.jpg)
30 พฤศจิกายนของทุก ๆ ปี เป็นวันคล้ายวันเกิดของฉัน ฉันไม่เคยลืมเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในงานวันเกิดเมื่อยี่สิบสี่ปีที่ผ่านมา ในปีนั้นฉันได้ขออนุญาตพ่อทำขนมหวานกล้วยบวชชีรับประทานกับเพื่อน ๆ โดยในงานวันนั้นฉันได้ชักชวนหลาน ๆ รวมทั้งลูกพี่ลูกน้องและเพื่อนสนิทมาทานขนมหวานด้วยกันที่บ้าน ซึ่งพ่อได้อนุญาต และให้เงินฉันไปซื้อข้าวของมาทำกล้วยบวชชีในครั้งนี้ด้วย
.jpg)
พอทำกล้วยบวชชีเสร็จ ฉันก็ได้ชวนทุก ๆ คนที่มาในงานวันเกิดได้ทานด้วยกันอย่างสนุกสนานตามประสาเด็ก พร้อมทั้งเปิดเพลงเต้นรำกันด้วย ซึ่งเพื่อนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันก็มีแต่เพ็ญและม่อนเท่านั้น และเพื่อนสองคนนี้ก็เป็นเพื่อนผู้หญิง สำหรับเพื่อนผู้ชายก็มีแต่อายุน้อยกว่าฉันสามสี่ห้าปี ซึ่งก็ล้วนแต่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันทั้งนั้น
เสียงเทปที่ดังปะปนกับเสียงหัวเราะสนุกสนานของฉันและเพื่อน ๆ ในครั้งนั้น ทำให้พี่รองหงุดหงิดไม่น้อย ฉันไม่รู้ว่าพี่รองไปเที่ยวที่ไหนมาและอารมณ์เสียมาจากใคร จู่ ๆ พี่รองก็เปิดประตูเดินเข้ามาในบ้าน และปิดเทปพร้อมกับไล่หลาน ๆ รวมทั้งลูกพี่ลูกน้องออกไปจากบ้านให้หมด โดยที่มีแค่ม่อนและเพ็ญเท่านั้นที่ไม่ได้ออกไปไหน และก็นั่งเป็นเพื่อนฉันตลอด จากนั้นพี่รองเรียกฉันไปสอบถามพร้อมทั้งถือไม้เรียวมาสามอัน

“สนุกสนานจังเลยนะ ใครบอกให้ทำขนมแจกจ่ายคนอื่นกินแบบนี้ รวยนักเหรอ!” แววตาที่แดงก่ำกับคำพูดที่ดุร้ายปนถากถางของพี่รองทำให้ฉันรู้ได้เลยว่า สิ่งที่ตัวเองกระทำอยู่นี้พี่รองมองเป็นสิ่งที่ผิด
“หนูขออนุญาตพ่อแล้วนะพี่รอง แล้วพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” ฉันได้แจ้งให้พี่รองทราบตามความเป็นจริง
“ไม่ว่า! แต่มันเสียงดังมากรู้ไหม รบกวนชาวบ้านเขา เข้าใจไหม!”

พี่รองมักจะหาข้ออ้างอยู่เสมอ เพื่อที่จะตีฉันให้ได้ดั่งใจตัวเอง ซึ่งปกติการเปิดเทปเสียงดังในเขตแถวบ้านฉันไม่เคยมีคนบ่นเลยสักนิด เพื่อนบ้านมีแต่ชอบเสียงเพลงกันทั้งนั้น บวกกับคนรอบ ๆ บ้านไม่มีเทปจะฟัง ก็ยิ่งถูกใจเมื่อได้ฟังเสียงเทปจากบ้านใกล้เรือนเคียงด้วยกัน
“ไม่เห็นเสียงดังเลย คนอื่น ๆ เขาก็เปิดกันทั้งนั้นเลย” ฉันตอบพี่รองไปตามความซื่อ และสิ่งที่เห็นในสังคมรอบบ้าน
“เดี๋ยวนี้กล้าเถียงพี่เหรอ มานี่เลยจะตีลงโทษสักหน่อย โทษฐานที่กล้าขึ้นเสียงกับพี่”
ในวันนั้นฉันรู้ว่าพี่รองเมาเหล้าด้วย กลิ่นเหล้าเหม็นคลุ้ง ยิ่งมาเห็นฉันโต้เถียงก็ยิ่งทำให้พี่รองโมโหมากขึ้น เพราะพี่รองไม่ชอบให้ใครมาขึ้นเสียงกับตน
คำพูดของพี่รองทำให้ฉันสงบเสงี่ยมทันที และก็รู้หน้าที่ของตัวเองแต่โดยดี แม้ว่าฉันไม่ได้ทำผิดอะไร แต่ฉันก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของพี่ชาย พร้อมทั้งเดินไปยืนกอดอกตรงหน้าพี่ชายทันที
.jpg)
พี่รองถือไม่เรียวมาแตะมือตัวเองเบา ๆ พร้อมกับถามฉันอีกครั้ง
“รู้ไหมไม้เรียวนี้ไว้ทำอะไร”
ฉันยังคงยืนกอดอกก้มหน้าก้มตา “ไว้ตีคนที่เถียงพี่”
“เข้าใจดีนี่ แล้วทำไมถึงกล้าเถียงพี่” พี่รองสอบถามฉัน ไม่ต่างกับนักโทษที่กระทำผิด
“หนูไม่ได้เถียงพี่ หนูก็แค่อธิบายให้พี่เข้าใจว่าหนูได้ขออนุญาตพ่อแล้ว และพ่อก็อนุญาตแล้วด้วย” ฉันตอบโต้พี่ชาย แต่ไม่กล้าสบตาพี่ชายเลยสักนิด รู้สึกกลัวพี่ชายอยู่มากทีเดียว ซึ่งในขณะนั้นเพ็ญและม่อนพากันนั่งมองฉันอย่างหวาดกลัว

คำตอบของฉันทำให้พี่รองดูโกรธเคืองมากยิ่งขึ้น “ไม่เกี่ยวกัน ที่พี่จะตีเราในวันนี้ ก็เพราะเราชอบทำอะไรที่เกินตัวรู้ไหม”
“เกินตัวตรงไหนคะ วันนี้เป็นวันเกิดของหนู และหนูก็ได้ขออนุญาตพ่อทำขนมและชวนเพื่อน ๆ มาทานด้วยกัน หนูไม่เห็นว่าตัวเองทำอะไรเกินตัวเลยนี่คะ” ฉันยังโต้เถียงพี่ชายเหมือนเดิม
“ดูสิยังกล้าเถียงพี่อีก จะมาทำตัวเหมือนลูกผู้ดีมีเงินนะหรือ มีงานวันกงวันเกิดกับเขา ดูสารรูปตัวเองเสียบ้าง!” พี่รองไม่พูดเปล่าแต่เอามือผลักหัวฉันอย่างแรงอีกต่างหาก
แม้ตัวจะเซไปทางอื่น แต่ฉันยังคงกลับมายืนแน่นิ่งอยู่กับที่เดิม
“หนูก็แค่อยากให้ความสำคัญกับวันเกิดของตัวเองบ้าง อยากมีวันพิเศษเหมือนคนอื่น ๆ เขา” ฉันตอบพี่ชายเบา ๆ เพราะใจรู้สึกอย่างนั้น
ฉันไม่รู้ว่าการที่ฉันมีวันเกิด หรือการที่ฉันเกิดมาบนโลกใบนี้แล้วทำให้แม่ต้องเสียชีวิตหรือเปล่า ที่ทำให้พี่ชายไม่ชอบใจ หรือว่างานวันเกิดของฉันมันตอกย้ำความเจ็บปวดและความรู้สึกบางอย่างแก่พี่ชาย จึงทำให้พี่ชายเสียอารมณ์อย่างนี้ ฉันยังเด็กเกินไปและก็ไม่รู้ว่าในความเป็นจริงพี่ชายคิดอะไรอยู่ ทำไมพี่ชายถึงไม่ชอบให้ฉันมีงานวันเกิดเหมือนคนอื่น ๆ เขา
“หุบปากเลยนะ! นิสัยดื้อด้านไม่มีผิด แถมเถียงคำไม่ตกฟากอีกต่างหาก เดี๋ยวจะตีให้เข็ดเลย” พูดจบพี่รองก็เอาไม้เรียวฟาดตรงน่องของฉันอย่างแรง

ไม้เรียวอันแรกหักไป อันที่สองตามมาติด ๆ และก็หักเฉกเช่นเดียวกับไม้เรียวอันแรก โดยที่มีไม้เรียวอันที่สามตามมาสมทบจนหักเหมือนกันหมด ซึ่งก็นับครั้งไม่ได้ว่าพี่รองตีฉันไปกี่รอบ ฉันหลับตาสนิทเหมือนหุ่นที่ไร้วิญญาณ ถามว่าฉันเจ็บไหมกับการที่ถูกพี่ชายตีในทุก ๆ ครั้ง ฉันยอมรับว่าเจ็บปวดที่สุด แต่ฉันก็ไม่เคยร้องไห้ และก็ไม่มีวันร้องไห้ให้พี่ชายได้เห็นน้ำตาเด็ดขาด ฉันกัดฟันทนและยอมรับว่าน้ำตาตกใน คงมีแต่เพ็ญและม่อนเท่านั้นที่นั่งกอดกันร้องไห้เพราะคงจะสงสารฉันไม่น้อย ฉันรู้ว่าม่อนและเพ็ญหวาดกลัวและอยากช่วยฉันเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เหตุผลที่ฉันไม่ยอมร้องไห้ก็เพราะว่าฉันไม่อยากให้เพื่อนเห็นความอ่อนแอของตัวเอง ฉันกลั้นสะอื้นไห้เอาไว้ พอพี่รองตีฉันหน่ำใจก็ผลักหัวฉันแรง ๆ เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจากไปพร้อมคำพูดที่ว่า
"อย่าริทำอะไรที่เกินตัว และอย่าลืมกำพืดตัวเองเสียล่ะ"
ฉันหลับตาลงอย่างช้า ๆ น้ำตาไหลรินพรั่งพรูเกินที่จะสะกดกลั้นเอาไว้ ฉันยอมรับว่าไม่เคยลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปีนั้น ที่ตรงกับวันคล้ายวันเกิดของฉัน ตั้งแต่เหตุการณ์ในครั้งนั้น ฉันไม่เคยจัดงานวันเกิดของตัวเองเลย จะมีก็แต่เพื่อน ๆ เท่านั้นที่คอยเซอร์ไพร้วันเกิดให้อยู่ตลอด จวบจนแต่งงานและย้ายมาอยู่ต่างประเทศ ก็มีเพียงคนรักที่คอยให้กำลังใจและบอกกับฉันเสมอว่า
.jpg)
("Every day when you get up in the morning, know how lucky you are to be alive and not buried in the ground. I want your birthday to be your important day. I want you to think about the people who love and care about you. You can't have today without their support. We are going to celebrate your birthday every year together. I will light the candles on the cake for you. We are going to tell the world how grateful you are to be alive, and thanks to our parents, families, friends, and everyone. We will hold hands and walk forward learning about life. We wish happiness to ourselves and to everyone in the world." )
"ทุก ๆ วันที่คุณตื่นขึ้นมาตอนเช้า ขอให้คุณรู้ไว้ว่า คุณโชคดีแค่ไหนที่ยังมีชีวิตอยู่ และไม่ถูกฝังอยู่ใต้ดิน ดังนั้นผมอยากให้คุณให้ความสำคัญแก่วันเกิดของคุณ อย่างน้อย ๆ ขอให้คุณระลึกถึงทุกคนที่รักคุณ เพราะคุณมีพวกเขาอยู่เคียงข้างคอยให้กำลังใจ จึงทำให้คุณมีวันนี้ได้ ทุก ๆ วันเกิดเราจะฉลองความสุขให้กันและกัน ให้โลกรู้ว่า โชคดีที่สุดที่ได้เกิดมาเป็นคน และขอบคุณบุพการีที่ให้กำเนิดเรามา ขอบคุณคนดี ๆ ที่รักและห่วงใยคุณมาตลอด และผมจะเป็นผู้ชายที่ยืนเคียงข้างคุณ คอยจุดเทียนเค้กวันเกิดให้คุณทุก ๆ ปี และเราจะขอพรให้ตัวเองและทุกคนที่เรารักด้วยกัน ขอให้ทุก ๆ คนมีความสุขตลอดไป"
คำพูดของคนรักทำให้ฉันมีกำลังใจมากขึ้น ทำให้ฉันคิดอะไร ๆ ได้หลายอย่างแบบคนที่มีสติ ไม่เจ็บแค้นและจมปลักอยู่กับอดีตที่เจ็บช้ำ และหันมาให้ความสำคัญในวันเกิดของตัวเอง โดยทุก ๆ ปีฉันจะจัดงานวันเกิดตามแต่โอกาสที่จะเอื้ออำนวยให้ และจะมีความสุขมาก ๆ ที่มีวันเกิดเหมือนคนอื่นเขา แม้ฉันจะให้อภัยกับสิ่งไม่ดีที่พี่ชายเคยทำร้ายฉันในงานวันเกิดเมื่อยี่สิบสี่ปีที่ผ่านมา แต่ฉันก็ไม่เคยลืมภาพเรื่องราวในอดีตไปได้ เพราะภาพเหล่านี้ก็ยังคงซ่อนเร้นอยู่ในความทรงจำฉันตลอด ไม่เคยลืมเลือนไปได้เลย