เก้าปีกว่าแล้วนะที่รักที่สองเรารู้จักกัน ในวันที่สิบสองสิงหาคมที่ผ่านมาก็ครบรอบแต่งงานแปดปีในแบบพิธีไทย ๆ ของสองเรา และในวันที่สิบสองเดือนตุลาคมนี้ก็ครบรอบแปดปีเต็ม ๆ ที่เราแต่งงานแบบพิธีอเมริกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยมีวันไหนเลยที่หัวใจของฉันไม่เคยเป็นของคุณ ฉันจำไม่ได้หรอกว่า ฉันเริ่มรักคุณตอนไหน ฉันรู้แต่เพียงว่า ในวันที่เหงา ๆ ของวันนั้น และค่ำคืนที่อ้างว้างเมื่อเก้าปีก่อน ฉันมีโอกาสได้รู้จักคุณ และคุณก็เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่คอยเป็นเพื่อนที่ดีเสมอต้นเสมอปลาย คอยให้กำลังใจแก่ฉันทุกอย่าง เวลาที่ฉันอ่อนแอหรือไม่สบายใจ คุณก็กดโทรศัพท์หรือไม่ก็อีเมลมาคุยด้วยตลอด จากความสนิทสนมของสองเรา สุดท้ายก็กลายเป็นความรักโดยที่ฉันไม่รู้ตัวเลย ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นตอนไหน ฉันรู้แต่ว่า คุณคือผู้ชายที่ดีที่สุดและเป็นผู้ชายคนเดียวและคนสุดท้ายที่ฉันรัก หัวใจของฉันเป็นของคุณมาตลอด ชีวิตของฉันเกิดมาเพื่อรักและเป็นภรรยาคุณจริง ๆ
คุณจำได้ไหมคะที่รัก บททดสอบความรักของสองเราที่มีต่อกัน แม้มันจะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่ฉันจำเรื่องราวเหล่านี้ได้เสมอ เพราะบททดสอบนี้มันทำให้ฉันเชื่อมั่นว่าคุณรักฉันจริง ๆ คุณเองก็มีบททดสอบให้ฉันได้เรียนรู้จนทำให้คุณเชื่อมั่นและเชื่อใจว่าฉันเองก็รักคุณไม่น้อยไปกว่ากัน ฉันยังจำบททดสอบที่สองเรามีให้กันได้เป็นอย่างดี ในวันนั้นเป็นวันที่คุณมีโอกาสหยุดพักผ่อนประจำปี คุณบินจากประเทศเกาหลีใต้เพื่อเดินทางมาพบฉันที่เมืองไทย โดยที่สองเรามีนัดกันที่กรุงเทพฯ ฉันเองไม่เคยรู้สึกเหนื่อยเลยที่จะนั่งรถทัวร์จากภูเก็ตเพื่อมาพบคุณ เพื่อที่จะได้เห็นหน้าคุณอีกครั้ง ได้แนะนำให้คุณได้รู้จักพี่น้องทุกคน แม้คุณจะเสนอสิ่งดี ๆ ให้ความช่วยเหลือฉันหลายอย่าง แต่ฉันก็ปฏิเสธตลอด เพราะฉันอยากให้คุณรู้ว่า ผู้หญิงอย่างฉันรักคุณได้โดยที่ไม่ต้องมีสิ่งใด ๆ ตอบแทนและแลกเปลี่ยน นอกจากรักอย่างจริงใจ และรักเสมอต้นเสมอปลายที่มีให้กัน
ระยะทางจากภูเก็ตมายังกรุงเทพนานหลายสิบชั่วโมง ฉันนั่งรถทัวร์ขึ้นมาหาคุณตามที่ได้นัดหมายกันเอาไว้ และในค่ำคืนที่เดินทางนั้น คุณก็ไม่ได้นอนหลับเอาเสียเลย คอยโทรพูดคุยกับฉันตลอดเวลา และก็คอยถามไถ่ฉันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการเดินทาง
“เขามีผ้าห่มให้คุณห่มไหม”
“มีค่ะ”
“แล้วอาหารต่าง ๆ ล่ะครับ”
“ก็มีเป็นคุ๊กกี้เล็ก ๆ นะคะ”
“แล้วคุณอิ่มหรือเปล่า” น้ำเสียงของคุณดูห่วงใยฉันเป็นอย่างมาก
“อิ่มค่ะ ณัฐไม่ทานเยอะหรอกค่ะ”
คืนนั้นคุณเองก็นอนไม่หลับ คุณโทรมาหาฉันตอนเที่ยงคืนหนึ่งครั้ง เราสองคนคุยกันสักพัก และด้วยความเกรงใจผู้โดยสารคนอื่น ๆ ฉันจึงต้องขอหยุดการสนทนาระหว่างเรา จากนั้นก็เอนกายนอนพักไปพลาง ๆ ฉันนั่งคิดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตตัวเองไปด้วย ฉันอาจจะดูโง่เขลาที่ยอมไปพักอาศัยอยู่กับผู้ชายที่ไม่ได้แต่งงานด้วย บางคนอาจจะมองว่าสิ่งที่ฉันกำลังจะทำ คือวิธีการจับผู้ชายอีกแบบหนึ่ง แต่ฉันขอสารภาพจากใจว่าไม่เคยมีความคิดเช่นนี้เลย หากฉันจะรักผู้ชายสักคน ฉันก็พร้อมที่จะมอบหัวใจและทุกอย่างที่มีให้กับเขา แม้ว่าวันหนึ่งข้างหน้าเขาจะไม่รักฉันและไม่เห็นคุณค่า ฉันเองก็พร้อมที่จะยอมรับความเจ็บปวดด้วยตัวเองทั้งหมด
พอเวลาประมาณตีห้าครึ่ง คุณก็กดโทรศัพท์เข้ามือถือของฉันอีกครั้ง
“ปณัฐดา คุณมาถึงมากรุงเทพหรือยัง”
“ใกล้แล้วค่ะ”
“ผมนอนไม่หลับเลย อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว กำลังจะลงไปที่แผนกรีเซฟชั่น ตั้งใจจะให้เขาเรียกแท็กซี่ให้สักหน่อย รอผมอยู่ที่นั่นนะ”
“ค่ะ ฉันจะรอคุณอยู่ที่อาคารผู้โดยสาร”
“ครับ แล้วเราค่อยเจอกันนะครับ”
“ค่ะ”
หลังจากที่คุยกับคุณเสร็จ ฉันก็แอบนั่งยิ้มคนเดียว รู้สึกว่าคุณห่วงใยฉันเหลือเกิน คุณคอยโทรเช็คฉันเป็นระยะ ๆ เพื่อจะให้แน่ใจว่าฉันเดินทางปลอดภัย รถทัวร์ที่ฉันนั่งมาวิ่งเข้าถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ฉันมองดูภาพบ้านเรือนผู้คนในเมืองกรุงเหมือนเคย ใจก็อดที่จะคิดถึงคุณไม่ได้
ฉันยอมรับว่าห่วงคุณอยู่ลึก ๆ เพราะคุณไม่เคยเดินทางมาที่สถานีขนส่งสายใต้เลยสักครั้ง ฉันเกรงว่าคุณจะถูกแท็กซี่หลอกและพาไปทำไม่ดีไม่ร้าย ยิ่งคุณเป็นชาวต่างชาติด้วย ก็ยิ่งน่าเป็นห่วงยิ่งนัก แต่เพราะคุณยืนยันว่าจะมารับฉันให้ได้ ฉันเองก็ไม่กล้าขัดใจเลย คุณคงจะต้องการพิสูจน์ให้ฉันเห็นบางสิ่งบางอย่างในตัวคุณให้ได้
ถ้าจะให้ฉันคิดเดา คุณก็คงจะเหมาแท็กซี่จากโรงแรมที่พัก มารับฉันที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่เป็นแน่ ซึ่งก็ดูเป็นเรื่องตลกไม่น้อยที่คุณเป็นชาวต่างชาติแท้ ๆ แต่ยอมนั่งแท็กซี่มารับคนไทยอย่างฉัน เท่าที่ฉันเคยได้ยินมานั้น ก็มีแต่คนไทยเท่านั้นที่ไปรอรับคนรักที่เป็นชาวต่างชาติ แต่สำหรับฉันและคุณนั้น กลับตรงกันข้ามกับคู่รักบางคน
สิ่งตรงนี้นี่เองที่ทำให้ฉันมั่นใจได้ว่าคุณรักและห่วงใยฉันจริง ๆ ถึงขนาดยอมไปรับฉันในสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ทั้งที่ตัวคุณเองไม่เคยไปสถานที่แห่งนั้นมาก่อน แต่ก็ยังมั่นใจที่ไปรับฉันให้ได้ โดยที่บอกย้ำฉันไม่ให้ไปไหนและรอคุณอยู่ที่นั่น ภาพประทับใจที่คุณมีให้ฉันในวันนั้น ไม่มีวันที่ฉันจะลืมไปได้เลย เพราะทุกอย่างมันฝันแน่นอยู่ในความทรงจำของฉันมาตลอด
ในเช้าวันนั้นหัวใจของฉันตื่นเต้นอยู่ตลอด เมื่อรถทัวร์เลี้ยวเข้ามาที่สถานนีขนส่งสายใต้ตามจุดหมาย ฉันก็ชะเง้อมองผ่านกระจกรถทัวร์ พอเห็นคุณกับคุณลุงคนขับแท็กซี่ พากันเดินมองหาตัวเองอยู่ที่อาคารผู้โดยสารจ้าละหวั่น ฉันก็อมยิ้มทันที ยิ่งได้เห็นภาพที่คุณกับคุณลุงคนขับแท็กซี่เข้าไปถามคนนั้นคนนี้อย่างเนืองนิตย์ ฉันก็อดภูมิใจในตัวคุณไม่ได้
คุณชอบใส่เสื้อ Pele 1978 เป็นประจำ คุณคงไม่รู้หรอกว่า ปี 1978 เป็นปีที่ฉันเกิด คุณคงไม่รู้หรอกว่า บางทีเจ้าเสื้อ Pele อาจจะมีส่วนสำคัญนำพาโชคชะตาสองเราให้ได้พบกัน ในวันนั้นแนเห็นแววตาที่เฝ้ารอคอยของคุณ ทำให้ฉันตื้นตันใจเป็นที่สุด บวกทั้งการกระทำเห็นได้ชัดว่าคุณมีความพยายามไม่น้อยที่จะมารอรับฉันในวันนั้น ในช่วงเวลานั้นก็มีคนไทยหลาย ๆ คนพากันมองคุณด้วยความสงสัยใคร่อยากรู้ไปหมด เพราะก็คงไม่เคยเห็นผู้ชายต่างชาติเดินเที่ยวถามคนนั้นคนนี้เพื่อหาผู้หญิงไทยคนหนึ่ง คนที่เป็นผู้หญิงธรรมดา ๆ จน ๆ คนหนึ่ง
พอลงจากรถทัวร์ได้ ฉันก็รีบเดินไปยืนอยู่ข้างหลังคุณทันที โดยที่คุณและคุณลุงคนขับแท็กซี่ไม่ทันจะเห็น เพราะฉันตั้งใจจะทำเซอร์ไพร้คุณ
“ที่รัก”
เสียงเล็ก ๆ ที่ฉันเอ่ยเรียกคุณยังไม่ทันจบ คุณก็หันมาคว้าร่างบอบบางของฉันเข้าไปกอดอย่างเร็ว ใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและดีใจของคุณในวันนั้น ฉันยังคงจำได้ติดตาอยู่เสมอ เพราะภาพเหล่านั้นไม่ต่างกับฉากในละครที่แสนจะโรแมนติกหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ในครั้งนั้นต่างก็อมยิ้มไปตาม ๆ กัน กับภาพความรักของฉันและคุณ ซึ่งความรักระหว่างฉันและคุณนั้น แม้แต่ความแตกต่างทางเชื้อชาติก็ไม่เคยปิดกั้นความรู้สึกของฉันและคุณได้เลย
“คิดถึงจังเลยครับ”
เป็นคำพูดคำแรกที่คุณทักทายฉันในวันนั้น ซึ่งก็ทำเอาฉันยิ้มแก้มปริ โดยเฉพาะสายตาคุณลุงคนขับแท็กซี่ที่ยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ ดูจะมีความสุขไปกับฉันด้วย พร้อมทั้งยินดีกับความรักระหว่างฉันและคุณไม่น้อย
คุณลุงคนขับแท็กซี่หันมาคุยกับฉันด้วยรอยยิ้มที่เป็นกันเอง
“คุณฝรั่งคนนี้ขอร้องให้ลุงช่วยตามหาหนูให้เจอ เห็นบอกว่าค่าเสียเวลาเท่าไรยินดีจ่ายให้ทั้งหมด ขอแค่ได้พบเจอหนู คุณฝรั่งคนนี้ท่าทางจะรักหนูมาก ๆ เลยนะ”
คำพูดของคุณลุงคนขับแท็กซี่ ทำให้ฉันยิ้มอย่างมีความสุข แม้จะเขินอายอยู่บ้าง แต่ฉันก็ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้กล่าวขอบคุณลุงคนขับแท็กซี่ด้วย
“ขอบคุณ คุณลุงมากค่ะ”
“ไม่เป็นหรอกหนู ไปเถอะ พากันไปขึ้นรถเถอะ ลุงจอดอยู่ที่ด้านหน้าโน้นแหนะ”
คุณลุงคนขับแท็กซี่พูดพลางเดินนำหน้าไป โดยที่ฉันและคุณจูงมือกันเดินตามหลังมาติด ๆ คุณยังคงเป็นผู้ชายที่สุภาพอยู่เสมอ และก็ช่วยถือกระเป๋าให้ฉันด้วย
ในวันนั้นค่าแท็กซี่จากมีเตอร์ห้าร้อยกว่าบาท แต่คุณหยิบแบงค์พันมาสองใบยื่นให้ฉันเป็นคนจัดการเสียค่าแท็กซี่
“เท่าไหร่คะคุณลุง”
“ห้าร้อยยี่สิบบาทจ้ะหนู”
คุณลุงคนขับแท็กซี่เป็นคนที่ซื่อสัตย์ และก็บอกราคาตามมีเตอร์ทั้งหมด โดยที่ไม่ได้คิดค่าเสียเวลาของตัวเองเพิ่มเติมเลย วันนั้นฉันตัดสินใจยื่นเงินสองพันบาทให้คุณลุงคนขับแท็กซี่ตามที่คุณต้องการ
“แฟนให้หนูมอบให้คุณลุงทั้งหมดค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ”
คุณลุงคนขับแท็กซี่ยิ้มรับทันที “ขอบคุณมาก ๆ เลยครับคุณฝรั่ง ขอบใจมากนะหนู”
คุณลุงยกมือไหว้คุณพร้อมกับฉันไปด้วย ในวันนั้นฉันแทบจะยกมือไหว้ตอบไม่ทัน และก็รีบทักท้วงคุณลุงทันที
“คุณลุงอย่าไหว้หนูเลยนะคะ มันบาป ให้หนูไหว้คุณลุงดีกว่าค่ะ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ”
“ลุงขอให้หนูและคุณฝรั่งประสบแต่ความโชคดีนะจ้ะ อยู่ที่ไหนก็ขอให้มีแต่ความสุขนะ”
วันนั้นคุณลุงคนขับแท็กซี่ไม่ลืมที่จะอวยพรให้ฉันและคุณด้วย ซึ่งฉันและคุณยังคงยกมือไหว้ขอบคุณก่อนที่จะเดินลงจากรถ และก็ส่งยิ้มให้คุณลุงคนขับแท็กซี่ก่อนที่จะเดินเข้าไปด้านในโรงแรม
พอเดินเข้าไปในโรงแรม คุณก็เข้าไปถามพนักงานฝ่ายรีเซฟชั่น
“ผมพาแฟนผมมาพักอยู่ด้วย ไม่ทราบว่าต้องแลกบัตรอะไรไหมครับ”
พนักงานต้อนรับของโรงแรมมองฉันด้วยสายตาแปลก ๆ โดยที่ฉันส่งยิ้มให้กับทุก ๆ คนอยู่ตลอด
“ไม่ต้องค่ะ”
จากนั้นคุณก็พาฉันขึ้นไปที่ห้องพัก โดยที่ฉันขอตัวอาบน้ำแต่งตัวเสียก่อน เสร็จแล้วเขาก็พาฉันเดินมาที่ชั้นล่าง
“คุณอยากทานอาหารที่นี่หรือว่าอยากทานข้างนอกครับ”
“ฉันชอบข้างนอกมากกว่าค่ะ”
“ผมตามใจคุณ งั้นเราไปหาอาหารข้างนอกทานดีกว่านะครับ”
“ค่ะ”
ในช่วงสาย ๆ ของวันนั้น ฉันพาคุณเดินมารับประทานอาหารในซอยที่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก ซึ่งร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านอาหารตามสั่งเล็ก ๆ ที่ดูสะอาดสะอ้านพอสมควร คุณดูมีความสุขกับชีวิตที่ฉันพาเขาไปสัมผัส กิริยท่าทางของคุณไม่เคยรังเกียจสภาพชีวิตคนยากคนจนเลยสักนิด
เจ้าของร้านอาหารตามสั่งทักทายด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นกันเอง
“วันนี้ทานอะไรดีคะคุณ”
“มีอะไรน่าทานบ้างคะ”
“ก็อาหารตามสั่งทั่วไปนะคะ และก็มีแกงเขียวหวานและแกงหน่อไม้ใส่ไก่ค่ะ” เจ้าของร้านบอกอย่างเป็นกันเอง
“เดี๋ยวขอถามแฟนแป๊บนะคะ”
“ได้เลยค่ะ”
จากนั้นฉันก็หันไปถามคุณเกี่ยวกับอาหารที่ชอบ เพราะอยากให้คุณได้รับประทานอาหารที่ต้องการ คุณบอกฉันเกี่ยวกับเมนูอาหารสองสามอย่างที่เขาพอจะจำชื่อได้บ้าง
“น้าคะ หนูขอผัดกะเพราหมูสับ ผัดเครื่องแกงหมูกรอบ และก็แกงเขียวหวาน ข้าวสองจานนะคะ ขอน้ำเปล่ากับน้ำแข็งสองแก้วค่ะ”
“ได้เลยค่ะ รอแป๊บนะ”
ช่วงระหว่างที่รอแม่ค้าทำอาหารนั้น ฉันกับคุณก็นั่งคุยกันไปพลาง ๆ คุณเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางมาเมืองไทย และก็เรื่องที่คุณลุงคนขับแท็กซี่พาคุณไปรับฉันที่สายใต้ใหม่ให้ฟัง ส่วนฉันก็เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพี่เพื่อนสนิทที่ขับมอเตอร์ไซต์มาส่งและช่วงเวลาที่ฉันนั่งอยู่บนรถคนเดียว นอกจากนั้นก็คุยเรื่องราวพี่น้องและครอบครัวไปด้วย
พอไม่นานแม่ค้าก็เอาอาหารมาส่ง ฉันและคุณกล่าวขอบคุณพลางส่งยิ้มให้นิดหนึ่ง จากนั้นก็นั่งทานอาหารกันสองคน ผู้คนที่เดินผ่านร้านอาหารต่างก็หันมามองฉันและคุณ ฉันไม่ได้สนใจสายตาที่คนมองมากนัก เพราะคิดว่าคงจะมองด้วยความแปลกใจที่เห็นชาวต่างชาติมานั่งทานอาหารที่ร้านอาหารเล็ก ๆ อย่างนี้
หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จแล้ว ฉันก็ขออาสาเป็นคนจ่ายค่าอาหาร แม้ว่าคุณจะไม่ยินยอม แต่พอได้ยินฉันบอกว่า
“ให้ฉันจ่ายนะคะ ให้ฉันได้เลี้ยงคุณบ้าง เพราะตั้งแต่คบกันมา คุณไม่เคยให้ฉันจ่ายเลยสักครั้ง”
“จะดีเหรอครับ ผมเป็นผู้ชาย ต้องดูแลคุณ”
“อย่าคิดมากเลยค่ะ ถือว่าฉันขอนะ”
วันนั้นฉันเอื้อมไปจับมือคุณเบา ๆ แม้ว่าใจจะเต้นตุ๊บตั๊บ แต่ก็อยากให้คุณรู้ว่า ฉันเต็มใจและยินดีจ่ายค่าอาหารในครั้งนี้ เพราะอยากมีส่วนจ่ายค่าใช้จ่ายช่วยคุณสักครั้ง หลังจากที่จ่ายค่าอาหารเสร็จแล้ว คุณก็ขอให้ฉันพาไปดูหนัง ฉันเองก็ไม่รอช้าพาคุณนั่งแท็กซี่มาลงที่ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต สถานที่เก่า ๆ ที่ฉันคุ้นเคยเป็นพิเศษ
ฉันกับคุณเข้าไปดูหนังรอบเย็น ซึ่งหนังที่ดูกันก็เรื่อง “Spider man” หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่สนุกและเรียกอารมณ์คนดูได้พอสมควร วันนั้นฉันนั่งอิงไหล่คุณดูหนังไปด้วย ยอมรับว่าอบอุ่นที่ได้ซบไหล่คุณ ตัวคุณเองก็ดูมีความสุขไม่น้อยที่มีฉันอยู่เคียงข้าง เราสองคนจับมือกันไว้แน่น เหมือนกับต้องการให้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดอยู่กับเราสองนาน ๆ
คืนนั้นฉันกับคุณกลับมาจากดูหนังประมาณสองทุ่ม พอกลับมาถึงโรงแรม คุณก็ให้ฉันเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน ส่วนคุณก็นั่งดูทีวีรอฉันไปพลาง ๆ พอฉันอาบน้ำเสร็จแล้ว คุณก็เข้าไปอาบน้ำทันที
ค่ำคืนนั้นฉันรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ใจหนึ่งก็นึกกลัวที่ต้องอยู่กับคุณสองต่อสอง แต่อีกใจหนึ่งก็ผลักดันหัวใจตัวเองไม่ให้กลัว เพราะการอยู่เคียงข้างกับคนรักไม่ได้มีอะไรเลวร้ายเลยสักนิด คุณเป็นผู้ชายที่สุภาพกับฉันเสมอ สายตาที่คุณจ้องมองฉันอยู่ตลอด ทำให้ฉันหลบสายตาด้วยความเอียงอาย เพราะทั้งชีวิตนอกจากอดีตคนรักแล้ว ฉันก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนไหนมาก่อน
คุณสบตาฉันอยู่ตลอด คุณบอกรักฉันอีกครั้ง ฉันได้แต่มองด้วยความตื่นเต้นปนความอยากรู้อยากเห็น เสียงกระซิบเบา ๆ ที่คุณบอกรักฉันเป็นระยะ ๆ ทำให้ใจของฉันแทบหลอมละลายเป็นฝุ่นผงให้ได้ ฉันเอามือทาบอกคุณเอาไว้ ตั้งใจจะถามคุณแค่คำเดียวเท่านั้น
“คุณจะมีฉันเพียงคนเดียวหรือเปล่าคะ”
คุณพยักหน้า สบตาฉันด้วยความรักสุดเสน่หา นัยน์ตาสีฟ้าสดใสดูจริงใจยิ่งนัก
“ครับ ตั้งแต่ผมได้รับอีเมลตอบกลับจากคุณ ผมก็ไม่เคยยุ่งกับผู้หญิงคนไหนอีกเลย ผมเลิกเที่ยวและเลิกอบายมุขทุกอย่าง เพราะผมรู้ว่าคุณเป็นผู้หญิงคนเดียวและคนสุดท้ายที่ผมต้องการ”
“ฉันก็ไม่มีใครค่ะ ตั้งแต่ฉันเลิกกับแฟนเก่า ฉันก็ไม่เคยยุ่งกับใครเลย คุณจะเป็นผู้ชายคนเดียวและคนสุดท้ายในชีวิตของฉัน ฉันยินดีและเต็มใจเพื่อคุณ”
“ผมรักคุณปณัฐดา คุณจะเป็นผู้หญิงคนเดียวของผมตลอดไป ผมจะดูแลคุณให้ดีที่สุด”
ราตรีของวันนั้น ฉันปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามที่ใจปรารถนา ริมฝีปากนุ่มนวลที่สัมผัสกัน ทำให้ฉันเคลิ้มไปอย่างไม่รู้ตัว ลมหายใจที่มากับความตื่นเต้นของสองเรารดหากันตลอด หัวใจของฉันเต้นระทึกกับความรักที่คุณถ่ายทอดให้อยู่เสมอ คุณเป็นผู้ชายที่อ่อนโยน นุ่มนวลและถนุถนอมฉันที่สุด คุณไม่เคยทำให้ฉันเจ็บ ไม่เคยทำให้ฉันร้องไห้ ไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังและเสียใจ แต่คุณมีแต่ให้ความสุข ความอบอุ่น และความเข้าใจแก่ฉันตลอด
เช้าวันรุ่งขึ้นฉันกับคุณตื่นขึ้นมาในช่วงสาย ๆ จากนั้นก็พากันรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เพราะในช่วงเย็นมีนัดกับพี่กันต์เสียด้วย พออาบน้ำเสร็จแล้ว ฉันกับคุณก็พากันลงมาที่ชั้นล่างและก็เดินไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารตามสั่งร้านเดิม
ฉันสั่งอาหารเมนูอื่น ๆ ให้คุณได้ลองรับประทาน เพราะเห็นเขาบอกว่าอยากทานเมนูที่แตกต่างจากเมื่อวานนี้ หลังจากที่สั่งอาหารเสร็จแล้ว ก็นั่งคุยกันไปพลาง ๆ ช่วงระหว่างที่ฉันหันไปมองแม่ค้า เพื่อที่จะเช็คดูว่าอาหารที่สั่งใกล้เสร็จหรือยัง คุณก็ลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า เมื่อฉันหันมาเห็นคุณนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าก็ตกใจไม่น้อย
“คุณจะทำอะไรคะนี่”
คุณไม่ได้ตอบคำถามฉัน ในวันนั้นคุณล้วงล้วงกระเป๋าเสื้อและหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินออกมา จากนั้นก็ค่อย ๆ เปิดมันออกอย่างช้า ๆ ฉันเห็นแหวนวงเล็ก ๆ ประกายแสงระยิบระยับอยู่ในกล่อง ก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย คุณสบตาฉันด้วยความรัก
“แต่งงานกับผมนะครับ...ปณัฐดา”
หัวใจของฉันเต้นผิดปกติ รู้สึกตื้นตันใจเป็นที่สุด เพราะในชีวิตไม่เคยมีผู้ชายคนไหนคุกเข่าขอแต่งงานแบบนี้ ในวันนั้นน้ำตาเจ้ากรรมของฉันซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว ฉันสบตาคุณทันที แม้จะมีน้ำตาคลอเบ้าอยู่ตลอด แต่ก็อยากจะถามเขาเพื่อความแน่ใจ
“ฉันเป็นคนจนและไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีที่สุด คุณแน่ใจนะว่า คุณอยากแต่งงานกับฉันจริง ๆ”
เพราะฉันเป็นผู้หญิงที่มีอดีตและเป็นแค่พนักงานออฟฟิศธรรมดา ๆ คนหนึ่ง และด้วยเงินเดือนที่ไม่สูงมากนัก บวกกับฐานะทางบ้านที่ยากจน รวมทั้งประสบการณ์ชีวิตเกี่ยวกับความรักที่มีแต่ความผิดหวัง มักจะทำให้ฉันเจียมเนื้อเจียมตัวและระมัดระวังตัวเองอยู่ตลอด ฉันพยายามบอกกับตัวเองเสมอว่า จะไม่รักกับผู้ชายที่มีฐานะดีกว่าตนเอง เพราะเกรงจะถูกฝ่ายชายดูถูกเหยียดหยาม ชีวิตของฉันยอมเสียใจดีกว่าที่จะให้ใครสักคน ตีค่าความเป็นคนของตัวเองอยู่แค่ที่ฐานะเท่านั้น
“ครับ ผมยอมรับทุกอย่างที่เป็นคุณ ผมไม่ได้สนใจว่าคุณจะรวยหรือจน ผมรักคุณนะปณัฐดา ผมสัญญาว่าจะเลี้ยงดูคุณให้ดีที่สุด ถึงแม้ผมจะไม่ใช่คนรวย แต่ผมก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้คุณมีความสุขที่สุดครับ”
ด้วยคำพูดที่หนักแน่น แววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความหวังมากมาย สยบความรู้สึกและหัวใจของฉันทันที
ช่วงเวลาในตอนนั้น ฉันหลับตาแน่นิ่ง เหมือนต้องการค้นหาคำตอบให้กับตัวเอง ความรู้สึกในช่วงนั้นฉันคิดย้อนไปถึงอดีตคนรัก ผู้ชายที่ฉันเคยรักและทำให้ฉันเจ็บช้ำหลายครั้งหลายครา ผู้ชายที่ไม่เคยให้เกียรติฉันเลย ผู้ชายที่สร้างแต่ความบัดซบความเจ็บปวดให้กับชีวิตของฉันมาตลอด ผู้ชายที่ไม่เคยรักษาคำมั่นสัญญาที่มีให้กัน ผู้ชายที่ยอมทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน ผู้ชายที่นอกใจฉันมาตลอด จากนั้นใจของฉันก็พลันนึกถึงพี่ไม้ทันที ผู้ชายที่เป็นเพื่อนที่ฉันรัก ผู้ชายที่ไม่เคยรักฉันเลย ผู้ชายที่มองข้ามคุณค่าในหัวใจของฉัน ผู้ชายไทยคนสุดท้ายที่ฉันรักและทำให้ฉันร้องไห้ได้ทั้งวันทั้งคืน สารพัดอย่างความเจ็บช้ำกับความรักที่ผ่านมาในชีวิต
ในช่วงเวลานั้น ความปวดร้าวทุกอย่างถูกหลอมตัวขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อที่จะเปรียบเทียบกับความสุขที่ฉันได้รับจากคุณมาตลอด แม้ว่าเรื่องราวเหล่านี้จะผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างถูกเรียงร้อยอยู่ในความทรงจำของฉันอยู่เสมอ และมันก็คอยย้ำเตือนให้ฉันได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตตัวเอง
รักแท้ไม่ใช่รักแรกเสมอไป
รักแท้มีแค่ครั้งเดียว
และคุณก็คือความรักและหัวใจของฉันมาตลอด
น้ำใส ๆ ไหลรินออกมาอย่างช้า ๆ ด้วยความตื้นตันใจที่มีอยู่มากมาย เพราะไม่คิดว่าในชีวิตนี้ จะมีวันนี้เหมือนคนอื่น ๆ เขา ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีผู้ชายดี ๆ สักคนที่รักฉันได้มากขนาดนี้ ความเจ็บช้ำในหัวใจที่ผ่านมา ทำให้ฉันเข็ดขยาดเรื่องความรักมานานหลายปี และก็ปิดตัวเองมาตลอด จวบจนวันหนึ่งที่ฉันพบเจอความรักกับคุณอีกครั้ง ซึ่งความรักครั้งนี้ทำให้หัวใจที่เคยตายไปแล้วกลับมามีชีวิตอีก และคุณก็คือความรักที่ช่วยเติมเต็มให้ชีวิตของฉันมีค่ามีความสุขในทุก ๆ วันที่ผ่านมา
ฉันยอมรับว่ารักคุณหมดหัวใจ แต่เพราะความที่กลัวเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันจึงมักจะปิดซ่อนความรู้สึกไว้ในใจเสมอ แม้จะคบกันมานานนับปี แต่คุณก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของฉันเลย คงมีแต่การกระทำเท่านั้นที่คุณรับรู้มาตลอด ว่าแท้จริงฉันเองก็รักเขาไม่น้อยไปกว่ากัน
“คุณแน่ใจเหรอคะว่า คุณรักและรับฉันได้จริง ๆ?”
วันนั้นฉันเลือกที่จะถามคุณอย่างตรงไปตรงมา เพื่อความแน่ใจ เพราะความผิดพลาดที่เคยผ่านมาในชีวิต มันเหมือนตราบาปที่ตอกย้ำฉันอยู่ตลอด บวกกับสิ่งที่ฉันมักจะได้ยินจากผู้ชายไทยส่วนใหญ่มาตลอดว่า
ผู้ชายน้อยคนนักที่จะรักและรับผู้หญิงที่ไม่บริสุทธิ์มาเป็นแม่ของลูกได้
แค่คำพูดสั้น ๆ เหล่านี้ ก็ทำให้ฉันหวาดกลัวอยู่ตลอดที่จะมีรักใหม่เหมือนคนอื่น ๆ เขา และก็เลือกที่จะมีความรักที่ไม่เคยคาดหวังผลตอบแทนเท่านั้น
คุณพยักหน้าอย่างมั่นใจ
“ครับ ผมรักคุณ รักตั้งแต่วันแรกที่เจอคุณ และอยากอยู่กับคุณตลอดไป ผมไม่สนใจว่าคุณจะผ่านชีวิตมาแบบไหนบ้าง ณ วันนี้ เวลานี้ และต่อนี้ต่อไป จะมีแต่เพียงคุณและผมเท่านั้น”
คำตอบที่หนักแน่นของคุณ ทำให้ฉันยิ้มทั้งน้ำตา ซึ่งน้ำตาที่เอ่อไหลในวันนั้นเป็นน้ำตาแห่งความสุขที่ฉันได้รับ วันนั้นฉันไม่รอช้าโผเข้าไปกอดคุณอย่างจัง ร้องไห้สะอื้นซบกับอ้อมอกของคุณ
“ฉันก็รักคุณคุณ ชีวิตของฉันไม่มีใคร คุณคือคนที่ทำให้หัวใจของฉันมีชีวิตอีกครั้ง คุณคือคนที่มีค่าที่สุดสำหรับฉัน” น้ำตาแห่งความปิติดีใจของฉัน ยังคงไหลรินเหมือนเดิม
ร่างบอบบางของฉันถูกคุณกอดไว้แน่น อ้อมกอดของคุณอบอุ่นยิ่งนัก มืออันแข็งแกร่งของคุณค่อย ๆ ลูบผมฉันเบา ๆ เหมือนต้องการปลอบโยน และก็หอมแก้มฉันด้วยความรัก จากนั้นคุณก็ค่อย ๆ สวมแหวนที่นิ้วนางให้แก่ฉันอย่างถนุถนอม เมื่อสวมแหวนเสร็จแล้วคุณก็ถือโอกาสจุมพิตที่มือของฉันเบา ๆ
“ผมรักคุณครับ สัญญานะครับว่าคุณจะรอผม อีกแค่สามเดือนผมก็จะกลับมาอยู่กับคุณ เราจะแต่งงานและอยู่ด้วยกันตลอดไป”
แววตาที่สื่อออกมา บ่งบอกได้เลยว่า คำมั่นสัญญาที่มีให้กันและกันนั้น ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงแน่นอน
“ค่ะ ฉันก็รักคุณ และจะรอคุณอยู่ที่นี่ตลอดไป”
ฉันตอบรับอย่างมั่นใจ
คงไม่มีใครเชื่อหรอกว่า เรื่องราวเหล่านี้เป็นเพียงฉากชีวิตส่วนหนึ่งของฉันและคุณ คงไม่มีใครรู้ว่าการขอแต่งงานที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในซอยเล็ก ๆ ที่มีแต่เพียงคนชนชั้นธรรมดาและคนฐานะยากจนพักอาศัยอยู่เท่านั้น ร้านอาหารตามสั่งร้านเล็ก ๆ ที่ฉันและคุณเลือกที่จะมานั่งรับประทานอาหารด้วยกันนั้น มันบ่งบอกถึงฐานะความเป็นอยู่ของฉันได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าสถานที่แห่งนั้นจะเป็นอย่างไร แต่ที่นั่นก็คือสถานที่สำคัญสำหรับฉันและคุณเสมอ
ในโลกนี้ จะมีผู้ชายสักกี่คนที่สามารถรักผู้หญิงที่แตกต่างกับตัวเองได้ จะมีคู่รักสักกี่คนที่รักและชอบพออะไรเหมือนกันไปหมด จะมีสักกี่คนที่เป็นคู่ชีวิตซึ่งถูกสร้างขึ้นมาอยู่คนละประเทศคนละทวีปแต่สามารถพบเจอกันได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือหัวใจที่รักและผูกพันต่อกัน ฉันยอมรับว่าในวันนั้นมีความสุขมาก ๆ รู้สึกมาตลอดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด และก็ดีใจที่คุณเป็นผู้ชายที่ดีและน่ารักกับฉันเสมอต้นเสมอปลาย
เก้าปีกว่าแล้วที่สองเรารู้จักกัน และแปดปีที่สองเราแต่งงานอยู่ด้วยกัน ไม่มีวันใดที่ฉันจะหยุดรักคุณ แม้แต่ความตายก็คงไม่สามารถทำให้ฉันหยุดรักคุณได้เลย ฉันเกิดมาเพื่อรักคุณจริง และเกิดมาเพื่อเป็นผู้หญิงของคุณโดยเฉพาะ
ฉันรักคุณนะที่รัก...รักมาตลอด...และรักที่มีให้คุณก็ไม่มีวันตาย
ทุกอย่างที่เป็นคุณ.....จะตราตรึงไว้ในหัวใจของฉันตลอดไป