คืนนี้ฉันนั่งอ่านข่าวคราวในอินเตอร์ อ่านเรื่องราวหลายอย่างและฟังเพลงจากเวบยูทู้ปไปด้วย ฉันฟังหลายเพลงที่ชอบ เปิดฟังซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อเลยสักนิด บทเพลงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับฉัน เพราะไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ฉันก็มีเพลงคอยประกอบจังหวะให้กับชีวิตที่ก้าวไปข้างหน้าเสมอ ฉันเป็นคนที่ร้องเพลงไม่เป็น ไม่มีความสามารถด้านดนตรีเลยสักนิด แต่ฉันก็เป็นคนที่ชอบเสียงดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ เพราะฉันรู้สึกว่า เสียงดนตรีมีส่วนสำคัญทำให้ชีวิตฉันมีวันนี้ได้
ใช่สิในคืนนี้บรรยากาศเงียบเป็นพิเศษ เสียงเม็ดฝนโปรยลงมาเป็นระยะ ๆ คนรักของฉันขอตัวนอนดูทีวีอยู่บนเตียงไม่ไกลนัก ส่วนฉันนั่งฟังเพลงและก็นั่งคิดอะไรหลาย ๆ อย่าง ฉันกำลังคิดว่า คืนนี้ฉันจะเขียนเรื่องอะไรดี เพราะหลายวันที่ผ่านมาฉันมีเรื่องมากมายที่อยากจะเขียน แต่ก็ไม่ได้ลงมือเขียนสักที
ฉันมีเวลาแค่เพียง 24 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น ฉันต้องจัดแบ่งเวลาไปทำงานไม่ต่ำกว่าหกชั่วโมงต่อวัน ในบางวันก็มากกว่านั้นขึ้นอยู่กับความยุ่งกับงานที่ทำ เวลากลับมาจากทำงานก็ไปวิ่งเล่นกับน้องหมาทุก ๆ หนึ่งชั่วโมง นอกจากนั้นก็ให้เวลากับคนรัก คอยดูแลเอาใจใส่คนรักตามหน้าที่ภรรยาที่ดีคนหนึ่ง
ส่วนคนรักของฉันก็ให้เวลากับฉันไม่น้อยไปกว่ากัน ฉันมีความสุขกับทุกช่วงเวลาที่ได้สัมผัส รู้สึกอบอุ่นใจกับหลาย ๆ อย่าง ภูมิใจที่ได้อยู่ดูแลคนรัก และมีน้องหมาน้อยคอยให้หยอกเล่นเป็นเพื่อนอยู่เสมอ
เจ้ากัมโบน้อยโตขึ้นทุกวัน ตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ และก็ชอบกัดเป็นอย่างมาก อาจจะเป็นเพราะว่าฟันของเจ้ากัมโบกำลังขึ้น ทำให้หนุ่มน้อยกัดสิ่งของไปทั่ว เวลาที่ฉันไปเก็บแตงกวาที่สวน เจ้ากัมโบน้อยก็วิ่งเข้าไปในสวน บางทีก็กลิ้งเล่นกับน้ำฝนในแอ่งน้ำหลังบ้าน ฉันเห็นแล้วก็อดที่จะอมยิ้มในความน่ารักของเจ้ากัมโบไม่ได้ เวลาที่ฉันจะเอื้อมเก็บแตงกวา เจ้ากัมโบน้อยก็ถลาวิ่งไปเหยียบต้นแตงกวาเสียอย่างนั้น ทำให้ฉันต้องรีบปรามเจ้ากัมโบไปด้วย
วันไหนที่ฉันทิ้งกัมโบน้อยให้วิ่งเล่นข้างนอกเพียงลำพัง บางทีหนุ่มน้อยก็ไปเล่นซนอยู่ที่สวนอีกฝั่งหนึ่ง ทุกครั้งที่ฉันปรบมือร้องเรียก
"Where is my lovely boy?"
ทันทีที่ได้ยินเสียงฉัน เจ้ากัมโบน้อยรีบวิ่งลิ้นห้อยมาหาฉันทันที แววตาเป็นประกายเหมือนดีใจที่เห็นฉันกลับมา พอเห็นหน้าฉันก็กระโดดโลดเต้นจะให้ฉันจับขาอุ้มขึ้นให้ได้ ไม่ว่าฉันจะทำงานมาเหนื่อยแค่ไหน มีเรื่องให้คิดหลายอย่าง แต่เวลาที่ได้เห็นหน้าได้หยอกเจ้ากัมโบน้อย ฉันมีความสุขทุกครั้ง สุขกับการได้อุ้มได้พูดกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้สื่อสารภาษามนุษย์
ชีวิตของฉันในแต่ละวันมีอะไรให้เรียนรู้หลายอย่าง บางทีก็ได้เห็นภาพน่ารัก ๆ ของครอบครัวชาวอเมริกันมาอุดหนุนสินค้าที่บริษัท ทุกครั้งที่เห็นภาพครอบครัวที่อบอุ่น ทำให้ฉันคิดถึงพ่อเป็นอย่างมาก ซึ่งความคิดถึงที่มีให้พ่อนั้นไม่เคยลดน้อยลงเลยสักครั้ง แม้เวลาจะผ่านไปสิบสองปีแล้วที่พ่อจากไป แต่ฉันก็ไม่เคยลืมเรื่องราวหลายอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต
เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ฉันกับอดีตคนรักเคยหมายหมั้นที่จะแต่งงานด้วยกัน ซึ่งในช่วงเวลานั้นมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นกับชีวิตรักของฉัน ทำให้ฉันเสียน้ำตา เสียใจและเสียความรู้สึกหลาย ๆ อย่าง ในช่วงนั้นหากฉันต้องเลือกระหว่างความรักและครอบครัว ฉันคงไม่รีรอกับการเลือก เพราะฉันเลือกครอบครัวแน่นอน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของฉัน ทำให้ฉันไม่อาจจะเลือกได้อย่างที่ใจต้องการ เพราะฉันเกิดมาเป็นลูกสาวพ่อ ก็ต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่เหมาะสม และสิ่งที่ไม่ทำให้ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเสียหาย ทำในสิ่งที่ถูกต้องตามขนบธรรมเนียม
วันนั้นฉันต้องเลือกระหว่างหน้าตาครอบครัวหรือว่าเลือกความสุของตัวเอง ฉันยอมกัดฟันอดทนทุกอย่างเพื่ออยากเห็นพ่อและพี่น้องทุกคนสบายใจ การเกิดเป็นลูกสาวคนเล็กนี่ใช่จะมีความสุข เพราะทุกคนฝากความหวังและฝากขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีไว้ที่ฉันทั้งหมด ฉันไม่เคยรังเกียจเลยกับการถูกเลี้ยงแบบโบราณ แต่ฉันยอมรับว่ากดดันที่จะต้องแต่งงานกับผู้ชายที่เคยนอกใจตัวเอง เพราะภาพเหล่านั้นมันฝังอยู่ในหัวใจมาตลอด และมันก็เจ็บจี๊ด ๆ ทุกครั้งที่นึกถึงมัน
ฉันบอกพ่อไว้ว่า "ถ้าเพื่อพ่อ หนูจะทำทุกอย่างให้พ่อสบายใจ หนูจะแต่งงานกับเขาคนนั้น จะไม่ทำให้ครอบครัวอับอายขายหน้าชาวบ้านเขา"
พ่อมองหน้าฉัน ทำให้ฉันอดไม่ได้ที่แหงนมองพ่อไปด้วย ฉันเห็นนัยน์ตาเศร้า ๆ บนใบหน้าของพ่อชัดเจน พ่อคงจะรับรู้ว่าฉันไม่ได้มีความสุขอย่างภาพที่เห็น พ่อคงรู้ว่ามีหลายอย่างที่ฉันไม่เคยเล่าให้ครอบครัวฟัง
"เป็นคนดีนะลูก รักษาเนื้อตัวให้สะอาด พ่ออยากเห็นหนูเป็นเจ้าสาวก่อนพ่อจากโลกนี้ไป" พ่อบอกฉัน เหมือนกับต้องการให้ฉันรู้ตัวเองว่า การแต่งงานครั้งนี้มีอะไรหลาย ๆ อย่างเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ฉันร้องไห้ พยายามกลืนความเจ็บปวดที่เคยมีให้หายไปจากชีวิต ไม่อยากให้พ่อเห็นความอ่อนแอของตัวเอง ไม่อยากให้พ่อเห็นใบหน้าของฉันที่เต็มไปด้วยความกดดันที่ถูกคาดหวังอะไรหลาย ๆ อย่าง ฉันยอมรับว่าไม่อยากที่จะปิดบังความจริงกับพ่อเลย แต่ฉันก็กลัวเหลือเกินว่าความจริงจะทำให้พ่อเสียใจ
"ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อ หนูจะไม่แต่งงานกับเขานะคะพ่อ พ่ออย่าโกรธหนูนะ" ฉันบอกพ่อ
พ่อลูบผมฉันเบา ๆ พินิจพิจารณาเหมือนท่านต้องการอ่านความรู้สึกของฉันให้ได้
"ทำไมล่ะลูก ทำไมหนูถึงได้พูดแบบนี้"
ฉันไม่ได้บอกความจริงกับพ่อเลย เอาแต่ส่ายหน้าและร้องไห้
"สัญญาได้ไหมคะพ่อ ถ้าถึงวันครบกำหนดแต่งงาน หากเกิดอะไรขึ้นกับพ่อ หนูจะไม่แต่งงานกับผู้ชายคนนี้"
ใบหน้าของพ่อดูเศร้าและเป็นกังวลไปด้วย พ่อคงจะสงสัยอะไรหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับตัวฉัน พ่อคงจะคิดหนักและคิดสารพัด พ่อคงกังขากับคำพูดของฉัน ทำไมฉันถึงได้พูดคำนี้ออกไป
แน่นอนในวันนั้น พ่อไม่สบายมาก ต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ฉันยอมรับว่าห่วงสุขภาพของพ่อเป็นอย่างมาก อยากให้ท่านมีชีวิตอยู่กับครอบครัวนาน ๆ อยากให้พ่อได้เห็นความสำเร็จของฉันในวันหนึ่งข้างหน้าที่ฉันวาดฝันเอาไว้
วันเกิดพ่อที่ 21 มกราคม ฉันได้ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้พ่อได้ใส่ แต่พ่อไม่เคยใส่ชุดใหม่ที่ฉันซื้อให้เลย พ่อได้แต่เก็บไว้ในกระเป๋าใบเก่า ๆ เท่านั้น พ่อรักษาและถนุถนอมเสื้อผ้าที่ฉันซื้อมาให้อย่างดี เหมือนกับพ่อกลัวว่าเสื้อผ้าชุดนี้จะเปื้อนและสกปรก เวลาที่ฉันถามว่าทำไมพ่อไม่ใส่ชุดใหม่ พ่อมักจะบอกฉันว่า
"เก็บไว้ใส่ในงานแต่งงานของหนู"
ฉันยิ้มเศร้า ๆ ในบางครั้งก็มีความสุข บางช่วงเวลาก็รู้สึกอึดอัดใจอยู่มาก ฉันและอดีตคนรักได้กำหนดการแต่งงานกันในวันที่ 11 มีนาคม 2541 ยิ่งใกล้ถึงวันแต่งงานเท่าไร พ่อก็อาการทรุดหนักเรื่อย ๆ ฉันลางานไปเยี่ยมพ่อบ่อยมาก มีเวลาได้อยู่กับพ่อไม่นาน เพราะต้องกลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ ทั้งที่ใจของฉันอยากอยู่กับพ่อมากกว่าที่จะมาอยู่เมืองกรุง แต่เพราะพ่อและพี่น้องต้องกินต้องใช้ ฉันต้องทิ้งความสุขส่วนตัวเพื่อมาทำหน้าที่ลูกที่ดีแก่ครอบครัว
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2541 เป็นวันที่ฉันเสียใจที่สุดในชีวิต พ่อจากไปในวันที่เงียบเหงา และเป็นวันที่เศร้าที่สุดในโลก ฉันรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน รู้สึกเหมือนจะขาดใจให้ได้เมื่อได้ยินข่าวร้ายที่เกิดขึ้นกับพ่อ ฉันทำอะไรไม่ถูกเลย รู้สึกว่าชีวิตหยุดอยู่เพียงแค่นั้นเมื่อไม่มีพ่อความฝันที่เคยอยากมีก็มลายหายไป
ระยะเวลาแค่เพียงเดือนเดียว พ่อก็จะได้เห็นฉันเป็นเจ้าสาวกับผู้ชายที่ทำร้ายจิตใจฉันตลอด จิตวิญญาณของพ่อคงจะไม่ยินดีที่จะมีชีวิตเพื่อให้ฉันได้แต่งานกับอดีตคนรัก พ่อจึงได้จากฉันไปเร็วขนาดนี้ หรือว่ารู้ความจริงภายในใจของฉัน ทำให้พ่อไม่อาจจะทนมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
พ่อยอมจากโลกนี้ไป เพื่อที่ฉันจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น หลังจากที่พ่อเสียชีวิต ฉันและพี่น้องช่วยกันจัดงานศพของพ่อจนเสร็จ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายวัน แต่ฉันก็ยังไม่คลายเศร้าไปได้เลย ทุก ๆ วินาทีเห็นแต่ภาพใบหน้าของพ่อ ชีวิตในช่วงนั้นยอมรับว่าจมอยู่แต่ความหลังจริง ๆ ฉันบอกกับอดีตคนรักขอยกเลิกการแต่งงานทั้งหมด เขาถามฉันว่าทำไม ฉันบอกแต่ว่า ฉันไม่พร้อมที่จะแต่งงานและก็ไม่อยากแต่งงาน ฉันบอกกับพี่น้องทุกคนขอให้ยกเลิกงานแต่งงาน ซึ่งในตอนแรกพี่น้องหลาย ๆ คนไม่เข้าใจฉันเลย พี่ ๆ บางคนก็ต่อว่าฉันต่าง ๆ นานาว่าไม่มีความคิด เป็นผู้หญิงที่สิ้นคิดที่สุด หาว่าฉันเสียสติที่จู่ ๆ ก็ยกเลิกการแต่งงานของตัวเอง ฉันยอมรับว่ามีสติทุกอย่างกับการตัดสินใจ ครอบครัวของฉันไม่เคยมีใครรู้เลยว่า ฉันคิดอะไรอยู่ ไม่มีใครอ่านใจฉันออก หลายปีที่ผ่านมาฉันเสียน้ำตาไปกี่ครั้งกี่หน กับกี่เรื่องราวที่อดีตคนรักได้สร้างเอาไว้ ทุกคนไม่เคยเข้าใจฉันเลย คงมีแค่เพียงบทเพลง สายลมและวันเวลาที่ผ่านไปเรื่อย ๆ คอยเป็นเพื่อนที่เข้าใจฉันที่สุด
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชีวิตฉันผ่านอุปสรรคหลายอย่าง ฉันล้มลุกคลุกคลานอยู่เรื่อย ๆ เคยร้องไห้แทบตาย เคยนั่งกอดเข่าตัวเองแหงนมองคืนเพ็ญน้ำตาไหลริน เคยอยากนอนหลับและไม่ต้องตื่นขึ้นมาบนโลกนี้ แต่เวลาที่ฉันคิดถึงพ่อ คิดถึงช่วงเวลาที่พ่อเลี้ยงดูฉันแสนเหน็ดเหนื่อย ฉันก็ไม่กล้าที่จะคิดอะไรโง่ ๆ แบบนั้นอีกเลย ฉันบอกกับตัวเองเสมอว่า จะต้องรักตัวเองให้มาก ๆ หากชาตินี้ไม่มีโอกาสได้เจอผู้ชายดี ๆ เป็นคู่ครอง ฉันก็จะไม่ขอแต่งงานกับใคร
ไม่รู้ว่าบุญวาสนาอะไรที่ฉันทำไว้ ทำให้ฉันได้เจอผู้ชายที่ดีที่สุดคนหนึ่ง ผู้ชายคนเดียวที่ฉันแต่งงานด้วย แม้ว่าเขาคนนี้จะไม่ใช่รักแรกของฉัน แต่เขาจะเป็นคนสุดท้ายที่อยู่เคียงข้างฉันตลอดไป เขาและฉันมีอะไรที่คล้ายคลึงกันหลายอย่าง แบบที่ฉันนั่งคิดแล้วก็อดที่จะบันทึกไว้ในความทรงจำไม่ได้
แม่ของฉันตั้งท้องฉันตอนที่อายุ 30 ปี ส่วนพ่ออายุ 53 ปี พอฉันเกิดในวันที่ 30 พฤศจิกายน หลังจากนั้นสองเดือนถัดไปแม่ก็เสียชีวิตอย่างกะทันหัน พ่อเลี้ยงดูฉันเพียงลำพังโดยที่มีพี่ ๆ คอยช่วยพ่ออีกแรง เมื่อฉันอายุครบ 18 ปีกับสามเดือน พ่อก็เสียชีวิตอย่างที่ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อน
คุณแม่ของคนรักตั้งท้องคนรักของฉันตอนอายุ 32 ปี ส่วนคุณพ่อของคนรักอายุ 55 ปี เมื่อคนรักของฉันอายุครบ 18 ปีได้สามเดือน คุณพ่อก็เสียชีวิต ระยะเวลาของความเสียใจที่สุดของสองเราใกล้เคียงกัน เพียงแต่ต่างกันแค่ระยะเวลา และต่างกันตรงที่ว่า หลังจากที่แม่ของฉันเสียชีวิต พ่อก็ไม่เคยแต่งงานใหม่กับผู้หญิงคนไหน แต่คุณแม่ของคนรักแต่งงานใหม่หลังจากที่คุณพ่อคนรักเสียชีวิตได้เพียงแค่ปีเดียว เราสองคนต่างกันในบางจุดและบางช่วงเวลา แต่โดยรวมแล้วเราสองคนมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะช่วงเวลาของการเกิดและความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่
ถ้าในวันนั้นพ่อของฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันก็อาจจะต้องแต่งงานกับอดีตคนรัก และก็คงไม่ได้มีชีวิตอยู่กับผู้ชายที่ดีที่สุดเหมือนในวันนี้ ฉันคงไม่ได้วิ่งเล่นกับเจ้ากัมโบน้อย คงจะมีชีวิตที่แตกต่างไปจากนี้ ฉันอยากขอบคุณพ่อที่ได้เสียสละชีวิตตัวเอง เพื่อให้ฉันได้มีความสุขมีครอบครัวที่อบอุ่น ได้แต่งงานอยู่กินกับผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก ขอบคุณพ่อที่ไม่ต้องการเห็นฉันเป็นเจ้าสาวของผู้ชายคนหนึ่งที่ทำร้ายจิตใจฉัน ขอบคุณทุก ๆ อย่างที่พ่อเลี้ยงดูฉันมาจนเติบใหญ่
ฉันอยากขอโทษพ่อ ที่ในอดีตฉันไม่ได้เล่าความจริงให้พ่อฟัง ฉันไม่ได้ต้องการโกหกพ่อ ฉันเพียงแค่ไม่อยากให้พ่อทุกข์ใจถ้ารับรู้ความจริงทุกอย่าง ฉันสามารถอดทนแบกรับความทุกข์ได้ทั้งหมด แต่ฉันไม่ยอมเห็นพ่อทุกข์ใจเป็นอันขาด เพราะฉันบอกกับตัวเองมาตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่ ว่าจะเป็นลูกสาวที่ทำให้พ่อสบายใจที่สุด จะไม่ทำให้พ่อต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับชีวิตของฉัน
พ่อคือผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกนี้ เวลาที่คิดถึงพ่อ ฉันมักร้องไห้และเปิดดูรูปท่านไปด้วย บทเพลงที่ฉันชอบบรรเลงอย่างช้า ๆ พร้อม ๆ กับเสียงนาฬิกาดังติ๊กต๊อกอยู่ไม่ไกลนัก หากฉันเดินข้ามเวลาได้ ฉันอยากไปรับพ่อมาอยู่ด้วย อยากทำอาหารอร่อย ๆ ให้พ่อได้ทานสักมื้อ อยากไปทำบุญตักบาตรที่วัดกับพ่อ อยากไปทำบุญวันสาร์ทกับพ่อเหมือนที่เคยทำ อยากนอนหนุนตักพ่อ และอยากให้พ่อได้เห็นภาพชีวิตของฉันและคนรัก พิเศษสุดอยากให้พ่อได้พูดคุยกับคนรักของฉัน เหมือนที่ฉันอยากเห็นคุณพ่อของคนรักเช่นกัน
เวลาผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว แต่มิมีคราวใดที่ไม่คิดถึงพ่อ .......หนูรักพ่อค่ะ