
คุณเคยไหมกับการที่ฝันเห็นแต่ภาพเก่า ๆ และคนเดิม ๆ เสียจนชินชา ฝันแทบจะทุกค่ำคืน ฝันจนสามารถจำเรื่องราวทุกอย่างได้ทั้งหมด เวลาตื่นขึ้นมาทีไร รู้สึกอยากจะล้างสมองตัวเอง อยากจะลืมทุกอย่าง อยากจะลบความทรงจำต่าง ๆ หรือแม้แต่ความฝันออกไปจากชีวิต อยากนอนหลับที่ไม่ต้องฝันอะไรเลย แต่จนแล้วจนเล่าฉันก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเรื่องราวตรงนี้มันฝังใจ ยากที่จะลบล้างไปจากความทรงจำได้
คนแรกที่ฉันฝันเห็นตลอดนั้น ก็คือเพื่อนสนิทเพื่อนที่ฉันรักมากที่สุดในชีวิต ฉันฝันเห็นเพื่อนรักคนนี้เป็นประจำ และในฝันก็มีแต่ภาพเดิม ๆ ที่แสนจะเจ็บปวดและทรมาน "จันทร์เพ็ญ" คือเพื่อนสนิทที่ฉันฝันเห็นบ่อยที่สุด เธอเสียชีวิตเมื่อกลางปีที่ผ่านมา แม้ว่าเธอจะลาโลกไปนานหลายเดือนแล้ว แต่ฉันกลับรู้สึกว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ตลอด ความรู้สึกของฉันยังคิดว่าเธอไม่ได้จากฉันไปไหน เธอยังอยู่ในโลกเดียวกับฉันตลอด
มีอยู่คืนหนึ่งฉันฝันว่าเพื่อนคนนี้มาหาฉันที่บ้าน เธอยืนร้องไห้กุมท้องเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด เธอขอให้ฉันลงไปรับด้านล่าง ในฝันฉันหันไปมองเพื่อนซึ่งยืนอยู่หน้าบ้าน ก็ตะโกนให้เพื่อนขึ้นมาบนบ้าน จันทร์เพ็ญเพื่อนรักของฉันหน้าตาไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด น้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มของเธอทำให้หัวใจของฉันเจ็บปวดไปด้วย ฉันรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนรักอยู่มาก จึงตะโกนบอกเพื่อนครั้งที่สอง
"ร้องไห้ทำไมเพ็ญ ขึ้นมาบนบ้านสิ ยืนอยู่ทำไม"
จันทร์เพ็ญร้องไห้อยู่ตลอด ยังคงยืนจับท้องตัวเองเอาไว้ อาการเหมือนคนปวดท้องแบบจุกแน่น
"เราขึ้นไปไม่ได้ ณัฐลงมารับเราหน่อยได้ไหม"
ตอนนั้นฉันรู้สึกตัวอยู่บ้าง ยังมีจิตสำนึกอยู่ตลอดว่า นี่คือความฝันหรือความจริงกันแน่ ช่วงระหว่างนั้น ฉันหันไปมองเพื่อนรักอีกครั้ง แต่ภาพเหล่านี้กลับเปลี่ยนไป โดยที่มีภาพเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ ยืนอยู่ข้าง ๆ เพื่อนรักด้วย มือข้างหนึ่งของจันทร์เพ็ญก็ถือแขนเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ เอาไว้ ทั้งคู่ดูสนิทสนมกันเหมือนแม่ลูกทีเดียว
"ทำไมขึ้นมาไม่ได้ล่ะเพ็ญ พ่อเราก็อยู่บนบ้าน ทุกคนอยู่บนบ้านกันหมด"
ทุก ๆ คนที่ฉันเห็นในความฝันนั้น ล้วนแต่เป็นคนในครอบครัวของฉัน ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ พี่สาวที่เสียชีวิตไปในปีเดียวกับพ่อ และยายรวมทั้งน้องสาวยายด้วย ทุกคนที่ฉันเห็นนั้นมีแต่เสียชีวิตไปนานหลายปีแล้ว ซึ่งในฝันฉันนั่งคุยกับพ่อและแม่พร้อมทั้งญาติผู้หลักผู้ใหญ่หลายเรื่อง
"เราขึ้นไปไม่ได้จริง ๆ ณัฐ เราปวดท้องเหลือเกิน" จันทร์เพ็ญยังคงยืนกรานกับคำเดิม เธอขึ้นมาบนเรือนไม่ได้ ฉันไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ทำไมเธอจึงปวดท้องขนาดนั้น
"เป็นอะไรถึงขึ้นมาไม่ได้ ขึ้นมาสิเพ็ญ ยืนร้องไห้ทำไม" ฉันยังร้องเรียกให้เพื่อนขึ้นมาให้ได้
"เราขึ้นไปไม่ได้ณัฐ ช่วยลงมาหาเราหน่อยได้ไหม"
ฉันมองภาพใบหน้าเพื่อนรัก แม้แต่ความฝันฉันก็จดจำใบหน้าของเพื่อนรักได้ทุกภาพ เธอเป็นผู้หญิงที่งดงามเสมอในความรู้สึกของฉัน เธองดงามที่ใจและในสิ่งดี ๆ ที่เธอมอบให้ฉันมาตลอด
"ทำไมไม่ขึ้นมาล่ะ เธอปวดท้องไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวพ่อเราจะช่วยรักษาให้"
ฉันบอกเพื่อนรัก เพราะคิดว่าถ้าเพื่อนปวดท้องจริง ๆ พ่อคงจะช่วยรักษาเพื่อนได้ จิตสำนึกลึก ๆ ของฉันยังจำภาพเก่า ๆ ได้เสมอ ภาพที่พ่อเป็นหมอไสยศาสตร์และหมอยาสมุนไพรที่รักษาคนเจ็บคนไข้ในหมู่บ้าน ไม่ว่าใครจะไม่สบายหนักเพียงใด พ่อก็สามารักษาให้หายได้
"เราขึ้นไปไม่ได้หรอกณัฐ เราขึ้นไปไม่ได้จริง ๆ" จันทร์เพ็ญปฏิเสธเสียงแข็ง จนทำให้ใจของฉันชักเป็นห่วงเพื่อนรักมากขึ้น อยากรู้เหลือเกินว่าอะไรทำให้เพื่อนไม่สามารถขึ้นไปบนบ้านของฉันได้
ในช่วงเวลานั้น ฉันรู้สึกหนาววูบนิด ๆ รู้สึกกลัวไปด้วย ไม่เข้าใจทำไมต้องรู้สึกกลัว บางครั้งความรู้สึกก็บอกว่าเพื่อนรักตายไปแล้ว แต่บางความรู้สึกบอกว่าเพื่อนยังไม่ตาย เขายังมีชีวิตอยู่ แต่ภาพที่เพื่อนกุมท้องเอาไว้ ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด และขอให้ฉันลงไปหานี่สิ เป็นภาพที่ฉันไม่อาจจะปฏิเสธได้เลย ฉันยอมรับว่ารักและห่วงเพื่อนอยู่มาก
"ก็ได้เพ็ญ เดี๋ยวเราลงไปหานะ"
พูดจบฉันก็ก้าวลงบันไดอย่างช้า ๆ ไปหาเพื่อนรัก เมื่อยืนอยู่ตรงหน้า เพ็ญไม่ยอมสบตาฉันเลยสักนิด เธอโผ่เข้ากอดฉันไว้แน่น จากนั้นก็ทรุดตัวลงบนพื้นดินทันที ฉันพยายามพยุงเธอเอาไว้ แต่ด้วยความที่ฉันตัวเล็ก ไม่สามารถพยุงเธอได้เลย จึงนั่งพับเพียบและให้เธอนอนหนุนตักไปพลาง ๆ
"เจ็บมากไหมเพ็ญ" ฉันถามเพื่อนรัก มือข้างหนึ่งก็ลูบหลังเพื่อนเบา ๆ
"เจ็บ เราเจ็บมากเลยณัฐ เราทรมานเหลือเกิน เราปวดท้องมากเลยณัฐ" เพ็ญบอก น้ำตาไหลรินตลอด
ฉันสงสารเพื่อนมาก น้ำตาเอ่อเบ้าเหมือนกัน เอามือซับน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มให้เพื่อนรัก
"อย่าร้องไห้นะ เดี๋ยวเราจะเรียกให้พ่อมาช่วยเธอ อดทนหน่อยนะเพ็ญ"
"พ่อเธอคงช่วยอะไรเราไม่ได้หรอกณัฐ"
เพ็ญตอบ แต่ก็ยังคงนอนหนุนตักฉันอยู่ น้ำใส ๆ ไหลรินเป็นทาง ส่วนเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ ก็หนุนตักฉันอีกข้างหนึ่ง ไม่พูดไม่จาอะไร นอนมองหน้าเพ็ญอยู่ตลอด ความรู้สึกในฝัน เด็กผู้ชายคนนี้เป็นใครก็ไม่รู้ หน้าตาน่ารักทีเดียว ฉันรู้แต่ว่าเป็นเด็กผู้ชายที่มากับเพ็ญ จะใช่ลูกของเพ็ญหรือเปล่า เพราะในชีวิตจริงเพ็ญไม่เคยมีลูกเลย
ช่วงเวลานั้นฉันตะโกนเรียกพ่อให้ลงมาช่วย แต่ก็ไม่มีใครขานรับ มีแต่ความเงียบและความมืดห้อมล้อมตลอด ฉันได้แต่นั่งรอ รออยู่ตลอดว่า พ่อคงจะลงมาช่วยเพื่อนรักของฉัน
"อย่าร้องไห้นะเพ็ญ ไม่เจ็บแล้วนะ ไม่ต้องร้องไห้ เราอยู่ข้าง ๆ เธอแล้วนะ ไม่ต้องกลัวนะ"
ฉันปลอบเพื่อนไปพลาง ๆ เพราะหวังอยู่ลึก ๆ ว่าคำปลอบโยนจะทำให้เพื่อนรักมีกำลังใจอยู่บ้าง มือข้างหนึ่งก็ลูบผมเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ ไปด้วย
"หลับนะครับคนดี ไม่ต้องกลัวนะ หลับให้สบายนะ" ฉันบอกเด็กน้อยคนนั้นไปด้วย
ฉันไม่รู้ว่าตัวเองนั่งอยู่กับภาพความฝันนานแค่ไหน รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่นาฬิกาปลุก ฉันค่อย ๆ ลืมตามองภาพรอบ ๆ ห้อง เพื่อที่จะเตือนสติตัวเองว่า สิ่งที่ฉันได้สัมผัสเมื่อครู่นี้ เป็นความฝันไม่ใช่ความจริงของชีวิต ฉันยังคงนอนจมอยู่บนที่นอนหนานุ่ม คิดถึงความฝันทุกอย่าง
จันทร์เพ็ญเพื่อนรักของฉันเป็นมะเร็งมดลูก และเนื้อร้ายเหล่านี้ก็ลามกินไปทั่วท้องจนหมด ฉันคิดว่าวิญญาณของเพื่อนรักคงจะทรมานมาก คงจะเจ็บปวดท้องน่าดู เธอจึงมาเข้าฝันฉันได้ตลอด พอตื่นขึ้นมาฉันก็รีบโทรศัพท์หาพี่สาว โอนเงินให้พี่สาวช่วยไปทำสังฆทานทำบุญตักบาตรไปให้เพื่อนรักและเด็กน้อยคนนั้น ฉันไม่รู้ว่าเพื่อนได้รับบุญกุศลที่พี่สาวและฉันได้ทำไปให้หรือไม่ รู้แต่ว่ามาช่วงหลัง ๆ ที่ฝันเห็นเพื่อน จันทร์เพ็ญเพื่อนรักไม่ได้เจ็บปวดท้องอีกเลย ซึ่งก็น่าแปลก นับตั้งแต่จันทร์เพ็ญเสียชีวิต เธอไม่เคยไปเข้าฝันใคร จะมีแต่ฉันและน้องสาวคนเล็กของเธอเท่านั้น และน้องสาวคนเล็กของเธอก็ฝันเหมือนกับที่ฉันฝันเช่นกัน
นอกจากจันทร์เพ็ญเพื่อนรักแล้ว ฉันก็ฝันเห็นผู้ชายคนหนึ่ง อันที่จริงฉันฝันเห็นผู้ชายคนนี้บ่อยมาก ๆ เทียบเท่ากับจันทร์เพ็ญก็ว่าได้ ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นอดีตคนรักของฉันนั่นเอง "พี่วีระชน"
พี่วีระชนเป็นคนปักษ์ใต้ ที่หลาย ๆ คนมักจะบอกว่า หนุ่มใต้ใจแกร่งดั่งหิน แต่ฉันไม่รู้ว่าอดีตคนรักของฉันมีหัวใจหนักแน่นแบบนั้นหรือเปล่า เพราะหัวใจของเขามีแกร่งและหวั่นไหวให้ได้เห็นเป็นประจำ และไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่
ฉันและวีระชนผูกพันกันมากทีเดียว เราเคยรักกันมาก เราอยู่ด้วยกัน มีความฝันที่จะสร้างชีวิตที่ดีด้วยกัน เมื่อสิบปีก่อนพี่วีระชนเคยสัญญาต่อหน้าวัดพระธาตุฯที่นครศรีธรรมราชว่า จะแต่งงานกับฉัน จะมีแต่ฉันเพียงคนเดียว และจะอยู่เคียงข้างฉันตลอดไป เขาเคยบอกว่า ถ้าเขาทำให้ฉันเสียใจหรือผิดหวัง ขอให้พระธาตุฯ ลงโทษเขาให้ได้รับผลกรรมตรงนั้น
ชีวิตรักของฉันกับพี่วีระชนไม่ได้สวยงามเลยสักนิด และก็ไม่ได้มีความสุขนัก มีบางอย่างที่เราคิดเหมือนกัน และหลายเรื่องที่คิดต่างกัน ชีวิตรักหนุ่มปักษ์ใต้กับสาวอีสานอย่างฉันและพี่วีระชน มีเรื่องราวเกิดขึ้นเยอะมาก โดยเฉพาะความสุขที่เกิดขึ้นไม่บ่อยและอยู่ไม่นาน ความเจ็บปวดที่เข้ามาแทรกเป็นระยะ ๆ และเกิดขึ้นบ่อยครั้ง จนหัวใจของฉันมิอาจจะทนความเจ็บปวดเหล่านี้ไปได้อีก
มีอยู่วันหนึ่งฉันไม่อาจจะอดทนต่อไปได้ ฉันตัดสินใจเดินไปวัดพระธาตุฯเพียงคนเดียว ตั้งใจจะไปขอถอนคำสัญญาทุกอย่างที่เขาเคยให้ฉันไว้ ฉันขอให้คำสัญญาทุกอย่างจบลง ภาวนาแต่เพียงว่า ถ้าเขาและฉันไม่ใช่เนื้อคู่กัน ก็ขอให้ต่างคนต่างไป และมีเส้นทางชีวิตที่ดีกว่าเดิม ได้เจอคนดี ๆ มีชีวิตที่สดใส และทั้งหมดเหล่านี้เป็นคำขอครั้งสุดท้ายจากฉันต่อหน้าวัดพระธาตุฯ ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช
ความรักของฉันกับพี่วีระชนจบลงด้วยความเจ็บปวดเสียใจ แต่ฉันก็อดทนและลุกขึ้นมาใหม่ พยายามปลอบใจตัวเองอยู่เสมอว่า ฉันแค่ฝันร้ายเท่านั้น เราสองคนไม่ได้เกิดมาเพื่อคู่กัน ในเช้าวันรุ่งขึ้นฉันก็จะได้เจอสิ่งดี ๆ อย่างที่ฉันปรารถนาอยากจะให้เป็น เพราะฉันเชื่อว่าสิ่งดี ๆ ที่ฉันเคยทำเอาไว้ จะช่วยให้ฉันลืมฝันร้ายไปได้
ฉันและพี่วีระชนเลิกรากันไปหลายปี ไม่ได้เจอกันอีกเลย ในช่วงนั้นฉันสามารถตัดใจจากพี่วีระชนได้ทุกอย่าง อาจจะเป็นเพราะว่า ความเจ็บปวดที่สาหัสทำให้ใจของฉันได้เรียนรู้ว่าอะไรสำคัญที่สุดในชีวิต หลังจากนั้นฉันก็ได้พบรักใหม่กับผู้ชายต่างชาติ ผู้ชายที่อยู่ไกลแสนไกล ฉันกับรอยคีนส์คบกันประมาณหนึ่งปี เราสองคนต่างก็ผิดหวังในความรักมาก่อน พอมาเจอกันต่างก็ปลอบโยนกันและกัน เป็นเพื่อนกันจนความผูกพันกลายเป็นความรักครั้งใหม่
หนึ่งเดือนที่ฉันรับหมั้นกับรอยคีนส์และสัญญาว่าจะแต่งงานกัน ไม่รู้ว่าโชคชะตาอะไรกำหนดเอาไว้ ทำให้ฉันได้เจอกับพี่วีระชนอีกครั้ง การเจอกันอีกครั้งไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด เพราะตั้งแต่พี่วีระชนรู้ว่าฉันมีคนรักอยู่แล้ว เขาก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ฉันเสียความรู้สึกและเสียใจ โดยที่ลึก ๆ ฉันเชื่อว่าเขาต้องการให้ฉันกลับมารักเขาอีกครั้ง
ฉันไม่รู้ว่าพี่วีระชนมีชีวิตอย่างไร ไม่รู้ว่าเขามีผู้หญิงคนอื่น ๆ หรือไม่ รู้แต่ว่าเขาพยายามกลับมาหาฉัน มาขอคืนดี ขอให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่ฉันก็ปฏิเสธตลอด เพราะหัวใจของฉันไม่ได้เป็นของพี่วีระชนอีกแล้ว ในตอนนั้นฉันยอมรับว่า ฉันรักรอยคีนส์และจะรอรอยคีนส์อยู่ที่เมืองไทย ต่อให้ไม่มีรอยคีนส์เข้ามาในชีวิต ฉันก็ไม่สามารถรักพี่วีระชนได้อีกเลย
ชีวิตของฉันที่อยู่ในภูเก็ต มีทั้งความสุข ความเศร้า ความกลัว ความหวาดผวา ทุก ๆ ตอนเย็นที่ขับมอเตอร์ไซต์กลับมาจากทำงาน ฉันกลัวเหลือเกินว่าพี่วีระชนจะฉุดกระชากข้างทาง กลัวสารพัดอย่างที่ผู้หญิงอย่างฉันรู้สึกจนฝังใจ เป็นความกลัวที่หลอนอยู่ในสมองทุก ๆ วินาที กลัวว่าอดีตคนรักจะทำร้ายตัวเองอีกครั้ง ตอนนั้นฉันพูดได้คำเดียวว่า ต่อให้ฉันตาย ฉันก็ไม่เสียดายชีวิตเลย หากแต่ฉันคงไม่ยอมให้พี่วีระชนทำร้ายรอยคีนส์เด็ดขาด
ฉันไม่เคยคิดเลยว่า เย็นวันนั้นพี่วีระชนจะขับรถมอเตอร์ไซต์ตามฉันมา และพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ฉันหยุดรถคุยกับเขา เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ฉันหันมาสนใจเขา แม้กระทั้งพยายามดึงกุญแจออก พยายามขับรถตัดหน้าและเบียดให้ฉันขับรถตกจากไหล่ทาง แม้ว่าการกระทำของเขาจะดูไม่สมควรจะทำและอันตรายมาก เพราะอาจจะทำให้ชีวิตของฉันจบลงบนถนนสายหลักของเมืองภูเก็ต แต่พี่วีระชนก็ไม่ได้สนใจความปลอดภัยของฉันเลย สุดท้ายชีวิตของฉันก็เกือบจะจบลงตรงนั้น หากแต่บุญความดีที่ฉันได้ทำเอาไว้ ทำให้ฉันรอดตายอย่างหวุดหวิดและยังมีชีวิตอยู่เพื่อได้สัมผัสกับความจริง
ฉันลืมตาขึ้นมาก็เห็นภาพพี่วีระชนกอดร่างของฉันเอาไว้ และร้องเรียกให้ฉันตื่นขึ้นมา เขาคงกลัวว่าฉันจะตายไปจริง ๆ ฉันเห็นน้ำตาของเขาครั้งสุดท้าย หัวใจของฉันเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่ากัน เมื่อรู้สึกตัวอีกที ฉันก็ร้องไห้อย่างเจ็บปวด พยายามทุบตีเขาให้ปล่อยตัวเอง เพราะฉันไม่ต้องการให้พี่วีระชนแตะต้องตัวฉันเด็ดขาด ในตอนนั้นฉันไม่ได้รักผู้ชายที่กอดร่างของฉันเอาไว้ ผู้ชายที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ฉันกลับไปรักเขาอีก แต่หัวใจของฉันในตอนนั้น ฉันรักรอยคีนส์หมดหัวใจ รักที่บอกได้เลยว่า ในชีวิตนี้ฉันคงจะไม่สามารถรักใครได้อีกแล้ว
ตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่วีระชนคงไม่เคยรู้ว่า ทุกสิ่งที่เขาเคยทำให้ฉันเสียใจ คงจะเป็นดั่งสายลมที่พัดเข้ามาและผ่านไป และฉันคงลืมเรื่องเหล่านั้นไปหมดแล้ว พี่วีระชนคงไม่เคยคิดเลยว่า ฉันไม่เคยลืมภาพเรื่องราวเหล่านั้นได้เลย เพราะภาพความเจ็บปวดเหล่านั้นทำให้ฉันสามารถตัดใจจากพี่วีระชนได้อย่างเด็ดขาด จวบจนทุกวันนี้ภาพเหล่านี้ก็ยังฝังแน่นอยู่ในความทรงจำของฉัน
ไม่ว่าฉันจะได้รับความเจ็บปวดแค่ไหน วันนั้นฉันแบกร่างและหัวใจอันบอบช้ำกลับมากรุงเทพฯ เพื่อรอคนที่ฉันรัก ฉันไม่ได้เอาผิดกับสิ่งที่พี่วีระชนทำร้ายตัวเอง ไม่ได้แจ้งความใด ๆ ฉันให้อภัยเขาหมด ขอแค่อิสระภาพของฉัน ขอให้พี่วีระชนอย่าได้เข้ามายุ่งกับชีวิตฉันอีก และแค่นั้นแหละที่ฉันแลกกับพี่วีระชนกับการไม่แจ้งความใด ๆ
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา จวบจนวันนี้เวลาผ่านไปเกือบแปดปีแล้ว แต่ฉันยังไม่สามารถลืมภาพเหล่านั้นไปได้เลย และทุก ๆ ค่ำคืนฉันมักจะฝันเห็นพี่วีระชนตลอด บางครั้งก็ฝันว่าเขามาขอโทษฉัน มาขอให้ฉันกลับไปคืนดี บางทีก็เห็นภาพเขาดักรอฉันอยู่ ฉันไม่รู้ว่าพี่วีระชนมีชีวิตอยู่หรือไม่ ฉันไม่สามารถบอกได้เลย ได้แต่ภาวนาให้เขามีชีวิตที่ดีเจอแต่สิ่งดีงาม มีคนดีคอยดูแลใส่ใจและมีความสุข
หลายคืนก่อนฉันฝันเห็นพี่วีระชนอีกครั้ง ในฝันฉันพารอยคีนส์ไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งวัดแห่งนี้มีผู้คนเต็มไปหมด และไม่ใช่วัดที่บ้านเกิดเมืองนอนของฉัน หากแต่วัดแห่งนี้เป็นวัดที่อยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ฉันเห็นญาติพี่น้องพี่วีรชนทุกคน เห็นคุณพ่อคุณแม่ของพี่วีระชนด้วย ท่านทั้งสองหันมายิ้มให้ฉันนิดหนึ่งก่อนที่จะก้มหน้าตักอาหารใส่ถ้วยไว้ใส่บาตร
ผู้คนในวัดพูดภาษาปักษ์ใต้ ซึ่งฉันเข้าใจเป็นอย่างดี ฉันจูงมือรอยคีนส์มานั่งข้าง ๆ คุณพ่อคุณแม่พี่วีระชน แนะนำให้ท่านทั้งสองได้รู้จักรอยคีนส์ ซึ่งท่านทั้งสองก็พูดคุยด้วยดี ไม่ได้มีทีท่าว่าจะโกรธเคืองแต่อย่างใด ซึ่งถ้าในความเป็นจริง ท่านทั้งสองควรจะโกรธและเสียใจที่ฉันและพี่วีระชนไม่ได้แต่งงานด้วยกัน แต่แปลกในฝันท่านทั้งสองกลับพูดคุยดี และรู้สึกเหมือนฉันเป็นลูกคนหนึ่ง สำหรับฉันนั้นก็รักและเคารพท่านทั้งสองเสมอ แม้ว่าในชีวิตจริงฉันกับพี่วีระชนไม่ได้แต่งงานกัน แต่คุณพ่อคุณแม่และทุกคนในครอบครัวพี่วีระชน ฉันยังคงให้ความรักและนับถือเสมอ
"พี่ณัฐ พี่ณัฐแต่งงานนานหรือยัง" น้องหวาน้องสาวพี่วีระชนหันมาถามฉันเป็นภาษาปักษ์ใต้ เธอและฉันสนิทกันพอสมควร ในฝันเธอยิ้มให้ฉันนิดหนึ่ง หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ดูเด็กเหมือนที่ฉันเคยเห็นเมื่อสิบปีก่อน
"เจ็ดปีกว่าแล้วจ้า"
"โหหลายปีแล้วนะคะ หนูไม่รู้เลยว่าพี่แต่งงาน"
ฉันยิ้มให้น้องหวานิดหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย สายตาก็หันไปมองผู้คนในวัด และบังเอิญสายตาไปเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งนั่งข้าง ๆ คุณพ่อคุณแม่พี่วีระชน ฉันเห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นก็อดที่จะชื่นชมในความน่ารักไม่ได้ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ผิวขาวเหมือนกับพี่วีระชน ขนตางอนยาวเป็นแพ ผมหยิกเป็นลอนแบบธรรมชาติ เนื้อตัวจ้ำม้ำน่ากอดเป็นที่สุด
"เด็กคนนั้นเป็นลูกของใครเหรอน้องหวา ใช่ลูกพี่วุ้นหรือเปล่า" ในฝันฉันหันไปถามน้องหวาเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ
"เปล่าคะพี่ณัฐ เด็กผู้หญิงคนนั้น ลูกพี่วีค่ะ"
คำตอบของน้องหวาทำให้ฉันรู้สึกได้เลยว่า พี่วีระชนแต่งงานมีครอบครัวไม่ต่างกับฉันเลย หัวใจลึก ๆ ก็แอบยินดีที่เห็นพี่วีระชนมีครอบครัวเป็นหลักเป็นแหล่ง มีลูกน้อยที่น่ารักให้ชื่นชม
"แล้วพี่วีกับแฟนไม่มาทำบุญเหรอจ๊ะ" ฉันถามน้องหวา เพราะปกติเวลาที่ครอบครัวพี่วีระชนทำบุญ ทุก ๆ คนก็จะมาช่วยกันตลอด
น้องหวามองหน้าฉัน ยิ้มและก็ส่ายหัวนิด ๆ
"แฟนที่ไหนพี่ณัฐ พี่วีมีลูกกับผู้หญิงคนนั้นก็จริง แต่พี่วีไม่ยอมแต่งงานกับใคร พี่วีบอกหวาแต่ว่า...." น้องหวาไม่พูดให้จบและหยุดอยู่แค่นั้น
"พี่วีบอกน้องหวาว่าอะไรเหรอ"
"พี่วียังรักพี่ณัฐนะ และรักมาตลอด"
คำพูดของน้องหวาทำให้ฉันรู้สึกใจไม่ดีเอาเสียเลย ไม่ได้ดีใจเลยที่รู้ว่าอดีตคนรักยังรักฉันอยู่ แม้แต่ในฝันฉันยังรู้แย่ที่อดีตคนรักยังฝังใจในความรักที่มีให้ฉันขนาดนั้น บางช่วงอารมณ์ก็รู้สึกว่าตัวเองมีส่วนผิดด้วย ไม่เข้าใจทำไมพี่วีระชนถึงผูกพันกับความรู้สึกเก่า ๆ ที่มีต่อกันได้ขนาดนี้ ถึงขนาดไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่มีลูกด้วยกัน
"ทำไมล่ะ พี่วีกับพี่ก็เลิกกันไปตั้งนานแล้ว ก็น่าจะลืมทุกอย่างไปได้ พี่วีควรจะแต่งงานกับแฟนนะ จะได้มีครอบครัวที่อบอุ่น เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดี ดูสิลูกสาวหน้าตาน่ารักเชียว"
น้องหวามีสีหน้าเศร้า ๆ เธอไม่ได้สนใจสิ่งที่ฉันพูด จากนั้นก็หยิบน้ำดื่มสองขวดยื่นให้ฉันและรอยคีนส์
"พี่วีรักลูกสาวมากนะพี่ณัฐ แต่ก็รักพี่ณัฐมากเช่นกัน" น้องหวาตอบสั้น ๆ ซึ่งก็ทำให้ฉันอึ้งทีเดียว
"แล้วแม่ของลูกสาวล่ะ พี่วีไม่รักเลยเหรอ"
"ไม่รู้ค่ะ หวาไม่รู้ ถ้าพี่ณัฐอยากรู้ ก็ลองถามพี่วีดูสิ โน้นแหนะ พี่วีกำลังเดินมาพอดีเลย" น้องหวาตอบพลางหันไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งฉันกับคนรักหันไปมองด้วย
ภาพของพี่วีระชนเดินเข้ามาในวัด ทำให้หัวใจของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ ยอมรับว่ารู้สึกกลัวปนความรู้สึกหลายอย่างที่สับสนตีกันพัลวัน ฉันจับมือรอยคีนส์ไว้แน่นเหมือนต้องการให้เขาเป็นเกราะกำบังที่แข็งแกร่งคอยปกป้องตัวเองเอาไว้ แต่สายตาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองพี่วีระชน
ในฝันพี่วีระชนเดินเข้ามานั่งไม่ไกลนัก เขาหันมายิ้มให้ฉันและรอยคีนส์นิดหนึ่ง ไม่ได้พูดจาอะไรเลย รอยยิ้มของพี่วีระชนไม่ได้มีความสุขแต่อย่างใด หากแต่เป็นรอยยิ้มที่มีความรู้สึกลึกลับอยู่ในใจ แววตาที่คมเข้มของเขามีอะไรหลายอย่างที่ซ่อนเร้นเอาไว้ ซึ่งฉันสามารถอ่านแววตาของเขาออก สามารถรับรู้ได้เลยว่า เขายังคงมีความรักและความผูกพันอยู่ในตัวฉันมาก เขาไม่เคยลืมฉันไปเลยจริง ๆ
ในช่วงจังหวะนั้น พี่วีระชนอุ้มลูกสาวขึ้นมาแนบอก เขาหอมแก้มเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ด้วยความรัก หยอกเล่นจนเด็กหญิงหัวเราะเสียงดัง แต่สายตาของพี่วีระชนก็หันมามองฉันเป็นระยะ ๆ ดูมีนัยบางอย่างชอบกล ซึ่งในฝันฉันได้แต่ยิ้มรับและยินดีกับพี่วีระชนที่มีลูกสาวที่น่ารัก ฉันไม่ได้เข้าไปถามและพูดคุยกับเขาแต่อย่างใด ได้แต่นั่งห่าง ๆ และจับมือรอยคีนส์เอาไว้ตลอด ในใจก็กลัวว่าพี่วีระชนจะเข้ามาทำร้ายฉันและคนรัก กลัวว่าความรักที่เขามีให้ฉัน จะทำให้เขาทำอะไรที่ไม่คาดคิดมาก่อน และสิ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ฉันกลัวที่สุด
ความอึดอัดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในความฝัน ทำให้ฉันหายใจไม่ค่อยออก ฉันตื่นขึ้นมาพร้อม ๆ กับความรู้สึกหลายอย่างที่ยังติดอยู่กับความฝัน ฉันหันไปกอดรอยคีนส์ไว้แน่น และเล่าเกี่ยวกับความฝันให้ได้ฟัง รอยคีนส์เอามือลูบผมฉันเบา ๆ และหันมาจูบหน้าผากฉันครั้งหนึ่งเหมือนต้องการให้กำลังใจ
"ไม่ต้องกลัวนะที่รัก ผมจะดูแลคุณทุกอย่าง ไม่ว่าจะในชีวิตจริงหรือความฝัน ผมจะปกป้องคุณ"
"ณัฐไม่เข้าใจเลยคะ ทำไมเขายังตามณัฐตลอด แม้แต่ในฝันเขาก็ยังติดตามณัฐอย่างต่อเนื่อง ในฝันเขามีลูกกับผู้หญิงคนนั้น แต่เขาไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น น้องสาวเขาก็บอกว่าเขายังรักณัฐอยู่ ณัฐกลัวจังเลยค่ะ ณัฐอยากจะลืมทุกอย่างให้หมด ไม่อยากฝันเห็นเขาอีกแล้ว"
ฉันบอกคนรัก เพราะหัวใจลึก ๆ รู้สึกกลัวอยู่ตลอด กลัวว่าวันหนึ่งพี่วีระชนอาจจะตามหาฉันสุดขอบฟ้า และด้วยเหตุนี้ทำให้ฉันและรอยคีนส์ไม่เคยเดินทางไปที่ปักษ์ใต้อีกเลย เพราะฉันรู้สึกว่าพี่วีระชนยังคงรอฉันอยู่ที่นั่น เหมือนเขารอการกลับไปของฉัน ทำให้ฉันกลัวว่าหากเขาเจอฉันอีกครั้ง เขาอาจจะทำไม่ดีไม่ร้ายเพื่อพรากฉันไปจากคนรัก เพื่อที่เขาจะได้ครอบครองหัวใจของฉันเพียงผู้เดียว สารพัดอย่างที่ฉันคิดกลัวอยู่ตลอด
"อย่าคิดมากเลยนะครับ ทำใจให้สบาย ทุกอย่างเป็นแค่ความฝันเท่านั้น เพราะในชีวิตจริง เขาคนนั้นคงจะทำอะไรไม่ได้หรอก ตอนนี้ก็อยู่คนละประเทศ ผมจะปกป้องคุณเอง"
วันนั้นฉันมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง ทุกครั้งที่ฝันเห็นอดีตคนรัก รอยคีนส์ก็คอยดูแลให้กำลังใจฉันอยู่เสมอ เขาไม่เคยโกรธที่ฉันเล่าเรื่องคนที่เป็นอดีตให้ฟัง เขาไม่เคยเบื่อที่จะฟังเรื่องในอดีตของฉัน เขาไม่เคยเสียใจที่ฉันผ่านอะไรมาบ้าง รอยคีนส์มีแต่ความรัก ความห่วงใย และกำลังใจมอบให้ฉันตลอด เพื่อให้ฉันลุกขึ้นมาต่อสู้และก้าวไปข้างหน้าให้ดีที่สุด มีชีวิตที่สดใสโดยที่มีรอยคีนส์จะยืนเคียงข้างฉันเสมอและตลอดไป
"อดีตและความฝันไม่สำคัญ...แต่ปัจุบันสำคัญที่สุด"