เนื้อหาบทความเหล่านี้ เป็นบทความที่ยีนส์ได้ตอบไว้ในกระทู้ที่ห้องไกลบ้าน ซึ่งเป็นกระทู้ของคุณ elle.bkk ได้เขียนขึ้นมาตามลิงค์นี้
http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H8839780/H8839780.html
ยีนส์จึงได้นำบทความที่เขียนเอาไว้ในกระทู้นี้ มาเก็บไว้ในไฟล์บล็อกของตัวเอง เพราะยีนส์เห็นว่าสิ่งที่ตัวเองได้เขียนไว้นั้น มีประโยชน์กับคนอ่านไม่น้อย อย่างน้อย ๆ ก็ได้แบ่งปันให้ทุก ๆ คนได้อ่าน เพราะงานเขียนที่อยู่ในหัวข้อเรื่องเล่าต่างแดนนั้น ยีนส์จะเปิดให้ทุกคนได้อ่านทั้งหมดค่ะ จะไม่มีการลบทิ้งแต่อย่างใด
ขอตอบตามประสบการณ์อันน้อยนิดนะคะ Living Trust เท่าที่ทราบนั้น เป็นอะไรที่ยุ่งยากนิดหนึ่ง เวลาทำอาจจะไม่ยาก แต่คนที่รับมรดกจากส่วนตรงนี้อาจจะยุ่งยากในบั้นปลาย อาจจะมีการขึ้นศาลบ่อย ๆ และติดต่อทนายความอยู่เรื่อย ขึ้่นอยู่กับว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งเราไม่ทราบเพราะเป็นเรื่องในอนาคต
ดิฉันขอยกตัวอย่างจากประสบการณ์ของคนใกล้ชิดนะคะ พอดีเรื่องราวเหล่านี้ค่อนข้างยาวหน่อย แต่ก็มี Living Trust เข้ามาเกี่ยวข้องในตอนท้าย ๆ ด้วย
นาง B ซึ่งอาศัยอยู่ที่รัฐเท็กซัสได้รับมรดกทุกอย่างจากสามีที่ทิ้งไว้ให้หลังเสียชีวิต นาง B มีลูกสองคนเป็นหญิงและชาย (สมมุตชายชื่อ B1 หญิงชื่อ B 2) รวมทั้งพี่น้องหลายคน ซึ่งเธอได้ทำพินัยกรรมเอาไว้ เพื่อต้องการแบ่งเงินให้ลูกหลานตามส่วนที่ต้องการ
ทรัพย์สินของนาง B มีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน ทรัพยากรใต้ดิน หุ้น เงินสด ทุกอย่างล้วนแต่ตีมูลค่าเป็นเงินจำนวนมาก ญาติพี่น้องนาง B ที่ได้รับทรัพทย์สินบางส่วนตรงนี้ต่างก็พึงพอใจกับพินัยกรรม และก็ตอบรับอย่างไม่มีปัญหาใด ๆ (ส่วนตรงนี้จบ)
หากแต่ว่าก่อนตาย นางบ B เกรงว่าลูกชาย B 1 กับลูกสาว B2 จะมีปัญหาในส่วนทรัพทย์สินที่เป็นที่ดินและทรัพยากรใต้ดินบางส่วนที่เธอมีเหลือไว้ เพราะเธอไม่ต้องการให้ลูกทั้งสองขายทรัพย์สินตรงนี้เพื่อแบ่งกันกิน เกรงว่าลูกหลานรุ่นต่อไปจะไม่มีอะไรเหลือไว้เลี้ยงชีพ หรืออะไรก็ตามแต่ตามเหตุผลของเธอ
ดังนั้นก่อนเสียชีวิตนาง B ได้เรียกทนายความประจำครอบครัวมานั่งคุยเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น และก็แจ้งให้ทราบถึงความประสงค์ของเธอ นาง B มีความเป็นห่วงลูกชายเป็นอย่างมาก (มากเป็นพิเศษ) เกรงว่าจะใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายจนหมดตัว และจะไม่มีเงินเหลือไว้ให้หลานชายคนเดียวของเธอ นาง B ห่วงลูกสาว เกรงว่าเกิดสามีเสียชีวิต จะไม่มีเสาหลักของครอบครัว อาจจะตกระกำลำบาก
นอกจากนาง B จะได้ทำพินัยกรรมไว้แล้ว นาง B ก็ได้ให้ทนายความจัดทำ Trust Fund ขึ้นมา และมีการแต่งตั้งคนที่ดูแลบัญชีการเงินของครอบครัวด้วย ซึ่งเรียกว่า Trustee (สมมุติชื่อว่า นาย F)
นาย F คนนี้จะมีเงินเดือนค่าตอบแทนตามที่ตกลงกันไว้ นาย F คนนี้จะเป็นคนทำหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับการเงินทุกอย่างให้กับครอบครัว ตั้งแต่ติดต่อประสานงาน เขียนเช็คจ่ายค่าใช้จ่ายทุกอย่างได้หมด เขียนเช็คส่งรายได้ไปให้ลูกหลานของนาง B ด้วย
หน้าที่หลัก ๆ ของนาย F คือเหมือนเป็นตัวแทนของนาง B ก็ว่าได้ คือจะต้องคอยดูแลเกี่ยวกับผลประโยชน์ของครอบครัวนาง B เป็นหลัก คอยดูแลเกี่ยวกับรายได้จากที่ดินและทรัพยากรใต้ดินทั้งหมด เพื่อให้แน่ใจว่ารายได้ส่วนตรงนี้เข้ามาในบัญชี Trust ทุกเหรียญ
ซึ่งในบัญชี Trust Fund นั้น อาจจะมีทรัพย์สินทั้งที่เป็นเงินสดและหุ้นร่วมอยู่ด้วย และทรัพย์สินบางส่วนที่นาง B ไม่ต้องการขาย และอยากให้เก็บไว้เป็นทรัพย์สินแก่ลูกหลานสืบทอดกันไป และทรัพย์สินตรงนี้จะมีรายได้ทุก ๆ เดือน (เนื่องจากมีบริษัทสัปทานและมีคนขอเช่า) แต่ในการจัดตั้ง Trust Fund นั้น จะมีการแบ่งแยกแยะเอาไว้ว่า รายได้แต่ส่วนนำไปทำอะไรบ้าง ให้ลูกทั้งสองคนละกี่เปอร์เซ็นต์ รายได้ให้หลาน ๆ คนละเท่าไรต่อเดือน
อย่างในกรณีของนาง B นั้น เธอต้องการให้เงินครึ่งหนึ่งที่เข้ามาใน Trust Fund นำไป Invested ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะถูกแบ่งเป็นสองส่วนให้ลูกชายและลูกสาวคนละครึ่ง และเงินบางส่วนที่เป็นเงินสดและรายได้จากหุ้นก็จะถูกส่งไปให้หลาน ๆ ทุกคน ซึ่งอาจจะรวมถึงค่าเทอมของหลาน ๆ ด้วย ซึ่งคนที่ได้รับเงินจาก Trust Fund ตรงนี้ จะไม่ได้รับเงินทั้งหมดเป็นก้อนใหญ่ เพราะต้องทำตามพินัยกรรมของนาง B ทั้งหมด คือแบ่งให้ใช้จ่ายต่อเดือนเท่าไร ต่อปีเท่าไร
แต่ถ้านาง B ได้ระบุเอาไว้ว่า ลูกหลานของเธอสามารถเขียนจดหมายรีเควสขอเงินเพิ่มเติมได้ แต่ต้องในกรณีฉุกเฉิน เช่นค่าพยาบาล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ Trustee ซึ่งก็คือนาย F นั่นเอง ถ้านาง F เห็นสมควร ก็จะได้รับเงิน แต่ถ้านาย F ไม่เห็นสมควรและเหมาะสม ก็จะไม่ได้รับเงินแม้แต่เหรียญเดียว จะเห็นได้ว่า นาย F มีอำนาจในการควบคุมเงินใน Trust Fund แต่เพียงผู้เดียว
ถ้าในพินัยกรรมของนาง B ระบุไว้ว่า หากลูกชาย นาย B1 เสียชีวิต ก็ขอให้รายได้ในส่วนทรัพทย์สินของนาย B 1 จาก Trust Fund ตรงนี้ตกเป็นของภรรยาแต่เพียงผู้เดียว และถ้าหากภรรยานาย B1 เสียชีวิต รายได้จาก Trust Fund ตรงนี้ก็ตกเป็นของลูกชายของนาย B1 เพียงคนเดียวและคนสุดท้าย (หรือที่เรียกว่า sole heir)
หลังจากที่นาง B เสียชีวิต นาย B1 ก็ได้รับรายได้จาก Trust Fund ตามปกติ ส่วนน้องสาว นาง B 2 ก็ได้รับรายได้จาก Trust Fund เช่นเดียวกัน ซึ่ง Trustee นาย F จะเป็นคนเขียนเช็คและส่งรายได้ไปให้ในแต่ละเดือน
ต่อมานาย B1 ได้เสียชีวิต รายได้จาก Trust Fund ของนาย B1 ตกเป็นของภรรยาแต่เพียงผู้เดียว (สมมุติชื่อ J) ซึ่งนาง J ก็รับรายได้จากส่วนของสามีเต็ม ๆ ทางด้านลูกชายนั้นก็ยังคงได้รับรายได้จาก Trust Fund จากส่วนที่นาง B ได้จัดทำไว้ให้ (ขอสมมุติว่าลูกชายนาย B1 กับนาง J ชื่อ BJ 1)
ทั้งนี้ในพินัยกรรมของนาง B ได้ระบุไว้ว่า เมื่อใดที่หลานชาย BJ1 อายุครบสามสิบปี จะได้รับเงินก้อนจาก Trust Fund ทั้งหมด พอนาย BJ1 อายุครบสามสิบปี นาย F ก็ต้องเขียนเช็คส่งเงินทั้งหมดในส่วนของนาย BJ1 คืนให้ทั้งหมดตามพินัยกรรมของนาง B ที่ระบุเอาไว้
ต่อมานาย F ซึ่งเป็น Trustee เกิดสุขภาพไม่ดี เกิดอาการหลง ๆ ลืม อาจจะลืมเขียนเช็คส่งไปให้นาง J ในแต่ละเดือน นาย F ได้มีการ Create Living trust ขึ้น หรืออาจจะเรียกว่า Life Estate ก็ได้ โดยที่แจ้งให้กับบริษัทที่สัปทานที่ดินและทรัพย์สินทั้งหมดทราบ และให้บริษัทเหล่านี้จัดส่งเช็คครึ่งหนึ่งในส่วนของรายได้ของนาง J ไปให้นาง J โดยตรง โดยที่อีกครึ่งหนึ่งส่งเข้าบัญชี Trust Fund เอาไว้
ตัวอย่างเช็คอาจจะเป็นดังนี้ และอาจจมีหลายแบบ
Mr. B1 Trust
Mrs. J Life Estate or Living Trust
Remainder to.....? (ชื่อนาย F หรือใครก็ตามที่ทำหน้าที่เป็น Trustee)
ซึ่ง Living Trust ของนาง J นั้น ได้ถูก Create มาจาก Trust Fund ของนาย B1 ตามกฏหมายแล้ว หากนาง J เสียชีวิต รายได้จาก Trust Fund ที่นาง J ได้รับในส่วนของ Living Trust ก็จะถูกส่งกลับไปรวมตัวอยู่ใน Trust Fund ของนาย B1 เหมือนเดิม จากนั้นนาย BJ1 ซึ่งมีชื่อระบุไว้ในพินัยกรรมของนาง B จะได้รับรายได้ตรงนี้ต่อไป และรายได้ Trust Fund ตรงนี้จะไม่มีการส่งต่อไปให้ลูกหลานอีก คือจะจบแค่นาย BJ1 เท่านั้น และถ้าหากนาย F เสียชีวิต ก็จะมีการแต่งตั้งคนที่เป็น Trustee คนใหม่ อาจจะเป็นนาย BJ1 เป็นก็ได้ คือคนที่เป็น Trustee นั้น จะเป็นคนที่รับผลประโยชน์ก็ได้เหมือนกัน ถือว่าไม่ผิดกฏหมายแต่อย่างใด
ถ้าหากนาย BJ1 แต่งงานมีลูกมีครอบครัว นาย BJ1 เกรงว่าคนที่รับมรดกในส่วนของตนจะมีปัญหา นาย BJ1 อาจจะทำการ Dissolve Trust Fund นี้เสีย ซึ่งรายได้ตรงนี้จะกลายเป็น Personal Income ของนาย BJ 1 โดยตรง และนาย BJ 1 ก็จะทำพินัยกรรมระบุเอาไว้ว่า ทรัพทย์สินส่วนของตน ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามแต่ อาจจะเป็นที่ดิน บ้าน เงินรายได้ต่าง ๆ ขอยกให้ภรรยาและลูกตามสัดส่วนที่ต้องการ
อย่างกรณีของเจ้าของกระทู้นั้น หากทรัพย์มีจำนวนที่ไม่มากนัก คือสามารถแยกแยะออกมาได้เลยว่าอะไรเป็นอะไร ตีราคาได้เลย การทำ Living Trust ก็ดี เพราะคนที่ได้รับรายได้ตรงนี้อาจจะไม่ได้เป็นก้อน แต่จะได้กินได้ใช้ทั้งชีวิต แต่ถ้าเสียชีวิตเมื่อไหร่ ทรัพย์สินตรงนี้จะตกไปอยู่ใน Trust Fund เหมือนเดิม ทั้งนั้นทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับทนายความที่จัดทำ Living Trust ด้วยค่ะ แต่ในกรณีข้างบนที่ดิฉันยกตัวอย่างนั้น เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ 1980 จนถึงทุกวันนี้ค่ะ กฏหมายบางอย่างอาจจะเปลี่ยนไป และแต่ละรัฐอาจจะมีกฏหมายที่ไม่เหมือนกันค่ะ
แล้วเรื่องการทำ Power of attorney ก็เป็นการดีนะคะ ถ้าทำก็อยากให้แต่งตั้งคนที่ไว้ใจและเชื่อใจได้ที่สุด เพราะคนที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นคนที่ดูแลตรงนี้ จะมีส่วนสำคัญในทรัพย์สินทุกอย่างของคุณ เพราะคนที่ทำหน้าที่ตรงนี้สามารถติดต่อธุรกรรมทุกอย่างแทนคุณได้หมด จะว่ามีอำนาจควบคุมทุกอย่างได้ค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าทนายความระบุไว้แบบไหนบ้าง
ถ้าดิฉันเป็นคุณ ดิฉันจะไปคุยกับทนายความโดยตรง อย่างแรกต้องรู้กฏหมายของรัฐนั้น ๆ ก่อนว่าการทำพินัยกรรมมอบทรัพย์สินให้กับญาติพี่น้องนั้นจะมีปัญหาอะไรไหม ยิ่งญาติพี่น้องไม่ได้นับถือสัญญาติอเมริกัน บางรัฐถ้าเจ้าตัวเสียชีวิตและไม่ได้ทำพินัยกรรมเอาไว้ ทรัพย์สินจะเป็นไปตามลำดับเครือญาติ นั่นคือ พ่อแม่ พี่น้อง หลาน ๆ และลุงป้าน้าอาต่อ ๆ กันไป ถ้ามีไม่ญาติมาเคลมก็อย่างที่ว่าตกไปเป็นของรัฐค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าญาติพี่น้องจะมาเคลมทีหลังหรือไม่ ซึ่งระยะเวลามีกำหนดเอาไว้เหมือนกัน
ที่ขาดไม่ได้เลยก็คงจะคุยเรื่องความคุ้มอย่างที่คุณ Lawanwadee ได้กล่าวไว้ข้างต้นนะคะ (ขอชื่นชมมาก ๆ ค่ะ ) และเรื่องตรงนี้ต้องละเอียดและรอบคอบมากนะคะ ถ้าพลาดแล้วก็พลาดเลย การตามแก้ไขไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ และการที่ต้องพบทนายความบ่อย ๆ และขึ้่นศาล ทุกอย่างล้วนแต่เป็นค่าใช้จ่าย ที่สำคัญเอกสารแต่ละอย่างสำคัญมาก ๆ ขอให้เก็บไว้ดีที่สุด
เรื่องราวเหล่านี้ยีนส์ตอบตามประสบการณ์ที่ตัวเองประสบมา ยีนส์เองไม่เคยเรียนรู้กฏหมายอเมริกาโดยตรง แต่ก็เคยเรียนรู้กฏหมายเกี่ยวกับภาษีอากรมาบ้าง ซึ่งก็ลืมไปเกือบหมดแล้ว เพราะผ่านไปนานหลายปีแล้ว
แต่เรื่องราวเกี่ยวกับพินัยกรรม พวก Trust Fund ต่าง ๆ นั้น และทุกอย่างที่ยีนส์เขียนขึ้นมานั้น ยีนส์เขียนมาจากสิ่งที่ได้เรียนรู้เคียงคู่กับคนรัก และความสนใจอยากรู้เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะยีนส์คิดว่าการเรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตคนเราจริง ๆ ทำให้เราได้เห็นสิ่งที่ถูกต้องผิดพลาดอย่างชัดเจน เข้าใจถึงการแก้ปัญหาต่าง ๆ การเรียนรู้ในตำราเรียนก็เป็นการดี แต่โอกาสของคนเราต่างกัน การดำเนินชีวิตของยีนส์ที่ผ่านมาและทุกวันนี้ค่อนข้างจะธรรมดา แต่แปลกตรงที่ว่า ทุก ๆ ก้าวที่ยีนส์ได้เดินออกไป และทุกลมหายใจนั้น มีแต่เรื่องราวที่ยีนส์สนใจจะศึกษาให้ได้ ยีนส์คิดว่าการได้เรียนรู้การดำเนินชีวิตที่ต้องอยู่ภายใต้กฏหมายของแต่ละประเทศนั้นถือว่าสำคัญมาก ๆ ซึ่งในอเมริกานั้นมีกฏหมายที่ค่อนข้างซับซ้อนอยู่เยอะทีเดียว และแต่ละรัฐก็มีกฏหมายไม่เหมือนกันทั้งหมด ดังนั้นประสบการณ์ที่ยีนส์ได้ประสบ อันไหนที่มีประโยชน์ก็อยากจะเขียนเล่าแบ่งปันกันกันอ่านอยู่เสมอ
อ่านเรื่องเครียด ๆ แล้ว แวะมาฟังเรื่องราวของยีนส์บ้างนะ หลายวันที่หายไป ไม่ได้อัพบล็อกและไปเยี่ยมใคร เนื่องมาจากรัฐโอกลาโฮม่าเผชิญกับปัญหาพายุน้ำแข็งพัดถล่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาค่ะ เมืองทั้งเมืองต้องเจอกับปัญหาหลายอย่าง หน่วยงานหลายแห่งปิดทำการ ถนนรถวิ่งไม่ได้เพราะมีแต่น้ำแข็ง ยีนส์เองก็ไม่ได้ไปทำงานสองวัน เพราะผู้จัดการให้หยุด เกรงว่าถ้าขับรถไปทำงานจะเกิดอันตรายแก่ชีวิตได้
ณ หมู่บ้านที่ยีนส์อยู่โชคดีทียังมีไฟฟ้าใช้ ซึ่งก็มาดับ ๆ หาย ๆ เหมือนกัน แต่ก็แอบเสียใจนิด ๆ ที่น้ำประปาจะไม่ไหลหลายวัน เพราะว่าเครื่องปั่นไฟที่ผลิตน้ำประปาเกิดเสีย ทางรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณส่งเครื่องปั่นไฟบินตรงมาจากรัฐแคลลิฟอร์เนีย์ และคิดว่าจะมาถึงในตอนเช้าวันพรุ่งนี้ ตอนนี้ก็อาศัยดื่มน้ำขวด อาบน้ำแบบเช็ดตัวเอาหมาด ๆ ต้องประหยัดน้ำมาก ๆ หุงข้าว ทำกับข้าวได้ แต่ให้ซักผ้า ล้างจานไม่ได้ เพราะน้ำมีขีดจำกัด เราต้องแบ่งปันกันใช้
ผู้คนเข้าแถวรอซื้อน้ำ ที่ทำงานหนาแน่นไปด้วยลูกค้า ยอมรับว่าเหนื่อยล้าพอสมควร แต่พอเห็นรอยยิ้มของเพื่อน ๆ และลูกค้าที่น่ารัก มีแฟนคอยเป็นกำลังใจให้ ความเหนื่อยต่าง ๆ ก็หายไป
โชคดีที่วันนี้ได้หยุด เลยทำให้หายเหนื่อยบ้าง แต่อาทิตย์หน้าก็ต้องไปพบคุณหมอตาแล้ว เนื่องมาจากทำงานกับคอมตลอด ทำให้สายตาไม่ค่อยดี และสองวันถัดไปก็จะมีนักเขียนได้รับเชิญมาปราศัยที่มหาวิทยาลัยที่แฟนสอนอยู่ ยีนส์เองก็ทำหน้าที่จัดงานปาร์ตี้เล็ก ๆ เลี้ยงต้อนรับตามเคย
ได้แต่ภาวนาให้น้ำประปามาเร็ว ๆ ขอให้ผู้คนในเมืองมีไฟฟ้าใช้ทุกครัวเรือน ขอให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม โดยเฉพาะรอยยิ้มและความสดใสของผู้คนในเมืองนี้
รักคิดถึงกันบ้างนะคะ
ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่แวะมาเยี่ยมกันค่ะ ขอให้ทุก ๆ คนมีความสุขมาก ๆ นะคะ 
ขอบคุณแรงบันดาลใจจากเจ้าของกระทู้ห้องไกลบ้าน คุณ elle.bkk ที่ทำให้ยีนส์มีแรงเขียนเรื่องราวดี ๆ แบ่งปันสู่กันอ่าน โดยเฉพาะคนไกลบ้านและคนไทยที่มีปัญหาเรื่องนี้ ขอบคุณค่ะ 
ขอบคุณบทเพลง "Diamond & Rust by Judas Priest จากเวบ ijigg เป็นอย่างมากค่ะ ยีนส์ขอยกเครดิตให้กับเจ้าของผลงานเพลงนี้แต่เพียงผู้เดียวค่ะ 