คุณเคยบ้างไหม? ตั้งแต่คุณและพี่น้องเติบโตขึ้นมาพ่อมักจะพร่ำบอกคุณว่า “พ่อเป็นคนขอม ไม่ใช่คนเขมร”
คุณเชื่อไหม? หากพ่อของคุณมักจะบอกคุณว่าปู่ย่าตาทวดของพ่อเคยทำงานอยู่เวียงวังแห่งประเทศกัมพูเจีย และย้ายถิ่นฐานอพยพมาอยู่เมืองสุรินทร์เมื่อหลายร้อยปีก่อน
คุณเคยสังเกตบ้างไหม? ตั้งแต่เล็กจนโตคุณมักจะรู้มาตลอดว่า “พ่อของคุณไม่เหมือนผู้ชายคนใดในหมู่บ้าน พ่อมีอะไรที่ลึกลับซ้อนเร้นให้คุณมีคำถามในตัวเองตลอด และคุณก็อยากค้นหาคำตอบนั่นด้วย”
แล้วคุณเคยศึกษามาก่อนหรือไม่ เกี่ยวกับตำนานคนขอมและคนเขมร ว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไร หากวันหนึ่งคุณได้รู้ว่า สิ่งที่พ่อเล่าให้คุณฟังเมื่อครั้งยังเด็ก มันเหมือนกับตำนานในหนังสือประวัติศาสตร์ที่เหล่าบรรดาคนมีความรู้ได้ขีดเขียนเอาไว้
คงไม่มีอะไรที่จะพิสูจน์เรื่องราวแท้จริงได้ ว่าพ่อพูดถูกต้องหรือเป็นเรื่องแต่งขึ้นมากันแน่ คงมีเพียงแหวนประจำตระกูลวงเดียวเท่านั้น ที่จะพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่พ่อพูดคือความจริงหรือเท็จ
แหวนทองคำดิบ (อังจีรมะเมี๊ยะเชา) หัวพลอยสีแดงเก่าโบราณ รูปลายไม่ได้สวยงามเหมือนแหวนสมัยใหม่ เพียงแต่มันมีค่าและมีความลึกลับที่ไม่เหมือนแหวนวงอื่น ๆ เท่าที่ยีนส์เคยสัมผัสมาในชีวิต
แหวนวงนี้มีค่ากับชีวิตของพ่อมากมาย ไม่ว่าแหวนนี้จะตกไปเป็นของใครไกลแค่ไหนก็ตาม พ่อก็มักจะตามหาซื้อแหวนวงนี้กลับมาให้ได้ ทำไมพ่อถึงรักแหวนวงนี้ด้วยชีวิตและจิตใจของท่าน ในเมื่อพ่อมีเงินพอที่จะซื้อแหวนวงอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ทำไมพ่อไม่ซื้อแหวนวงอื่น ๆ มาไว้ ทำไมพ่อถึงอยากเก็บแหวนวงนี้ไว้ประจำตระกูลของเรา
เรื่องเหล่านี้มันไม่ใช่เรื่องที่เขียนแต่งขึ้นเหมือนนิยายทั่วไป แต่มันเป็นเรื่องราวที่ยีนส์และพี่น้องไม่เคยมีใครได้เขียนและถ่ายทอดบอกเล่าให้คนนอกได้รับรู้เลย
ยีนส์เคยคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลก และไม่เคยสนใจมันเลย แต่นับวันที่ยีนส์โตขึ้น ยีนส์มักจะมองย้อนกลับไปในอดีตเสมอ ทั้งที่คนบางคนยิ่งโตก็ยิ่งลืมเรื่องเก่าๆ แต่สำหรับยีนส์ไม่ใช่เลย แม้เวลาผ่านไปนานแสนนาน แต่ยีนส์ก็มักจะจำเรื่องราวเหล่านี้ได้ตลอด ยีนส์มักจะมีคำถามอยู่ในใจเสมอ มีอะไรที่ยีนส์อยากพิสูจน์อยู่มากมาย เพียงแต่ไม่เคยมีโอกาสเลย และยีนส์ก็ได้ตั้งใจไว้ว่าหากวันหนึ่งที่ยีนส์มีโอกาสและพร้อม ยีนส์ก็อยากจะทำเหมือนที่ใจตั้งใจเอาไว้ให้ได้
บางคนอาจจะหัวเราะที่เห็นยีนส์เอาเรื่องราวประสบการณ์ส่วนตัวมาขีดเขียนในเวบบล็อกอันนี้ ยีนส์ไม่เคยสนใจว่าคนอื่นเขาจะคิดยังไงกัน เพราะสิ่งที่ยีนส์ขีดเขียนออกมานั้น ยีนส์เพียงถ่ายทอดมันออกมาจากประสบการณ์ชีวิตของตัวเอง เป็นเรื่องราวที่คนหลาย ๆ คนไม่เคยรู้มาก่อน และยีนส์ก็อยากจะทำมันตรงนี้
อย่างไรก็แล้วแต่ยีนส์มีความสุขกับการได้ขีดเขียนมันออกมา แม้ว่าบางคนอาจจะคิดว่าเรื่องที่ยีนส์เขียนนั้น เหมือนเด็กกำลังเล่านิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะให้ผู้ใหญ่ฟังก็ตาม แต่ยีนส์ก็รู้แก่ใจเสมอว่ามันไม่ใช่เรื่องโกหกแต่อย่างใด เพียงแต่บางอย่างมันไม่เคยถูกพิสูจน์เท่านั้น เพราะสิ่งที่ยีนส์เขียนเล่านี้เป็นเรื่องราวที่ยีนส์ฟังมาจากผู้เป็นพ่อ สัมผัสทุกอย่างด้วยตัวเอง เป็นเรื่องราวที่ชายชราอายุ 83 ปีเคยเล่าให้ยีนส์ฟังมาตลอด ( 83 ปีนับตั้งแต่ปีเกิดของพ่อจนถึงปีนี้)
*********************************
นับตั้งแต่ยีนส์จำความได้ ยีนส์ก็รู้ว่าครอบครัวของยีนส์มีอะไรไม่เหมือนครอบครัวอื่น ๆ บ้าง พ่อมักจะบอกเล่าให้ยีนส์ได้ฟังได้เห็นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อมีเสมอ ทุกค่ำคืนยีนส์จะเห็นพ่อสวดมนต์ภาษาขะแมร์ได้ทุก ๆ วันไม่รู้จักเบื่อ ทุกวันเพ็ญคืนเดือนเต็ม และเดือนครึ่งเสี้ยว พ่อก็มักจะมีพิธีสวดมนต์ใหญ่กว่าวันปกติทั่วไป มีดอกไม้ธูปเทียนต่างๆ ซึ่งพี่สาวของยีนส์เป็นคนตระเตรียมไว้ให้พ่อทุกครั้ง
น้ำมนต์ที่พ่อพรมให้ยีนส์และพี่ ๆ ทุกคน เศษน้ำหมากที่พ่อปัดเป่าคาถาภาษาขะแมร์ให้ยีนส์และพี่น้องรวมทั้งญาติ ๆ มาตลอด ชายชราตัวคนเดียวปราศจากภรรยาที่รัก ผู้มีจิตใจนิ่ง ไม่สุงสิงเรื่องชาวบ้าน เวลามีโอกาสมักจะเข้าวัดเข้าวาเป็นประจำ แม้พ่อจะเป็นคนเก่าคนแก่ในหมู่บ้าน เป็นที่นับหน้าถือตาของหลาย ๆ คนที่ต้องการให้พ่อเป็นผู้นำ แต่ก็มักจะถูกพ่อปฏิเสธมาตลอด พ่อไม่เคยอยากเป็นคนใหญ่โตแต่อย่างใด แต่พ่ออยากเป็นคนที่มีคุณค่าที่ใจของคนในหมู่บ้านเท่านั้น
พ่อมักจะได้รับเลือกให้เป็นมัฆทายกของวัดเสมอ เท่ายีนส์จำความได้พ่อมักจะเป็นคนดูแลเรื่องเงินบริจาคของวัดให้กับทางวัดด้วย พ่อไม่ชอบที่จะทำหน้าที่ตรงนี้ แต่ชาวบ้านทั่วไปมักจะบอกพ่อเสมอว่า หาคนที่ซื่อสัตย์และเชื่อใจได้ไม่มีใครอีกแล้ว นอกจากพ่อคนเดียวเท่านั้น เวลายีนส์เห็นพ่อไปทำงานให้กับทางวัดพ่อก็ไปตัวเปล่า และก็กลับมาตัวเปล่าเสมอ นี่แหละคือสิ่งที่ยีนส์เชื่อในความซื่อสัตย์ของพ่อตลอดมา
เมื่อตอนที่ยีนส์อายุประมาณ 7 ขวบ ที่หมู่บ้านของยีนส์จะมีแม่น้ำเล็ก ๆ ที่ไหลผ่านจากพนมดงรักไปสู่หมู่บ้านทางไปอำเภอขุขันธ์ด้วย คนในหมู่บ้านมักจะชอบเลี้ยงวัวเลี้ยงควายเป็นอาชีพด้วย คนที่พูดภาษาลาว (อีสาน) นิยมเลี้ยงวัวกันและก็ชอบกินเหนียว ส่วนคนที่พูดภาษาขะแมร์นั้นนิยมเลี้ยงควายและมักจะกินข้าวจ้าวอย่างเดียว
ในเมื่อหมู่บ้านของยีนส์มีควายเยอะแยะเต็มไปหมด แม้แต่ครอบครัวของยีนส์ก็มีไม่น้อยไปกว่า 20- 30 ตัว ดังนั้นในน้ำห้วยจึงมีปลิงอยู่ตลอด ปลิงเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่ดูดเลือดเป็นอาหาร ไม่ว่าจะเป็นเลือดคนหรือเลือดสัตว์ ปลิงก็ไม่เคยยกเว้นเลย ปลิงมักจะอาศัยอยู่ในบริเวณน้ำตื้นเท่านั้น และมันมักจะอาศัยอยู่ใต้ต้นจอกและผักตบชะวาเป็นจำนวนมาก
สมัยยีนส์เด็ก ๆ ในหมู่บ้านของยีนส์ไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้ น้ำที่เราใช้กันก็คือน้ำบ่อและน้ำห้วยเท่านั้น น้ำบ่อนั้นส่วนใหญ่จะถูกหาบมาไว้กินไว้ใช้ในครอบครัว หลาย ๆ ครอบครัวมักจะอาศัยอาบน้ำในน้ำห้วยมากกว่า ยีนส์และพี่สาวก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
ยีนส์จำได้ว่าครั้งหนึ่งยีนส์และพี่สาวพากันไปอาบน้ำในน้ำห้วย พี่สาวสองคนว่ายน้ำเป็นเลยพากันกระโดดไปเล่นน้ำในส่วนที่ลึกที่สุด ส่วนยีนส์นั้นยังเด็กและว่ายน้ำไม่เป็น ดังนั้นยีนส์จึงมักจะเล่นว่ายน้ำและเกาะอยู่ในจุดที่น้ำตื้นเท่านั้น เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ไม่เคยรู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเองบ้าง เมื่ออยู่ ๆ ที่เขาขึ้นมาจากน้ำก็ได้มีปลิงตัวหนึ่งเกาะอยู่ที่หว่างขา และปลิงตัวนี้ก็พยายามเข้าไปในอวัยวะเพศของเขา
ตอนนั้นยีนส์ร้องไห้และเรียกให้พี่สาวแต่ละคนมาช่วย น่าเสียใจที่พี่สาวแต่ละคนกลัวปลิงเป็นอย่างมาก ขนาดวิ่งหนีไม่ยอมช่วยยีนส์เลย ในเมื่อพี่สาวไม่ช่วยยีนส์ก็พยายามดึงปลิงออกจากอวัยวะเพศให้ได้ แต่ยีนส์ก็ทำไม่สำเร็จ สุดท้ายยีนส์ก็ตัดสินใจปล่อยให้ปลิงตัวนั้นเข้าไปในอวัยวะเพศทันที จากนั้นยีนส์ก็วิ่งร้องไห้ตามพี่สาวกลับไปที่บ้าน ทันทีที่เห็นพ่อนั่งปลูกผักอยู่ในสวนนั้น ยีนส์รีบวิ่งไปบอกพ่อทันที ในตอนนั้นยีนส์กลัวปลิงเป็นชีวิตจิตใจ สั่นไปหมด ทันทีที่พ่อรู้เรื่องพ่อก็นึกโมโหโกรธเคืองพี่สาวแต่ละคนที่วิ่งหนี ไม่ช่วยยีนส์ในตอนนั้น
พ่อไปเรียกพี่สาวคนรองถัดจากยีนส์ให้ไปหาตั๊กแตนดิบมาให้ยีนส์กิน เพื่อที่จะขับปลิงให้ออก ยีนส์ไม่รู้ทำไมต้องกินตั๊กแตนดิบทั้งที่รสชาติก็ไม่น่ากินเอาเสียเลย แต่ยีนส์ก็ต้องกินตามความเชื่อตามคำบอกเล่าของพ่อ
จากนั้นพ่อก็ไม่รอช้ารีบหาหม้อที่มีสีเงินผสมทองรุ่นเก่า ๆ ภายในบ้านมาตั้งเอาไว้ แล้วก็เติมน้ำประมาณครึ่งหม้อเอาไว้ให้พร้อม พ่อไม่รอช้ารีบก่อไฟเตาภายในบ้านทันที จากนั้นก็ยกเตามาตั้งไว้ข้างใต้แคร่ไม้ไผ่ซึ่งอยู่ภายในตัวบ้าน พอทุกอย่างเสร็จสรรพพ่อก็เดินเข้าไปในห้องนอน หยิบหีบเก่า ๆ ออกมา พร้อมแหวนวงนั้นออกมาด้วย
จากนั้นพ่อก็บอกให้ยีนส์แก้ผ้าไปนั่งคร่อมแคร่ที่มีเตาและหม้อต้มอยู่ด่านล่าง โดยกำชับว่าให้อวัยวะเพศของยีนส์ตรงกับไอน้ำร้อนที่ขึ้นมาจากหม้อน้ำสัมผัสกันโดยตรง เสร็จแล้วพ่อก็สวดคาถาภาษาขะแมร์ซึ่งยีนส์ไม่รู้ว่าพ่อสวดว่าอย่างไร เพราะคาถาบางอย่างพ่อมักจะสวดไม่ให้ใครได้ยินเสียเลย พอพ่อสวดคาถาเสร็จแล้ว พ่อก็เอาแหวนวงนี้หอผ้าขาวใส่ลงไปในหม้อต้มที่มีน้ำร้อนเดือดอยู่ จากนั้นพ่อก็สั่งกำชับไม่ให้ยีนส์ลุกไปไหนเด็ดขาด
ในตอนนั้นอวัยวะเพศของยีนส์ยังคงมีเลือดไหลออกมาเรื่อย ๆ พ่อได้บอกให้ยีนส์ถ่างขากว้าง ๆ เพื่อให้ไอจากน้ำต้มแหวนวงนั้นเข้าไปในช่องอวัยวะเพศของยีนส์ด้วย ยีนส์เชื่อฟังพ่อแต่โดยดี เพราะความที่กลัวตายจากเจ้าปลิงตัวนี้ ทำให้ยีนส์ไม่กล้าขัดใจพ่อ ยีนส์ยังคงนั่งคร่อมอยู่แบบนั้นเป็นเวลาหลายชั่วโมง โดยที่มีพ่อและพี่สาวคอยเทคแคร์และเฝ้ามองดูอยู่ห่าง ๆ
ทุก ๆ ชั่วโมงพ่อก็มักจะกินหมากแล้วสวดคาถาใส่ตัวยีนส์ตลอด ในตอนนั้นยีนส์ไม่รู้ทำไมพ่อต้องทำแบบนั้น และก็ไม่เข้าใจมากนักทำไมตัวเองต้องมานั่งทำแบบนี้ สิ่งที่ยีนส์รู้อย่างเดียวก็คือ มันเป็นวิธีการรักษาคนที่โดนปลิงเข้าอวัยวะเพศทุกคน ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับยีนส์แต่เพียงคนเดียว แต่ยังคงมีเด็กผู้หญิงหลาย ๆ คนในหมู่บ้านของยีนส์ถูกปลิงเข้า และก็ต้องรักษาวิธีเดียวกับยีนส์ด้วย
ยีนส์นั่งอยู่แบบนั้นนานพอสมควร พ่อยังคงสังเกตดูยีนส์ตลอด และก็มีพี่สาวสามคนคอยให้ความช่วยเหลือด้วย ยีนส์ยังคงต้องกินยาต้มของพ่อและก็ตั๊กแตนดิบในช่วงทำพิธี พอพ่อเห็นว่าเลือดหยุดไหลและทุกอย่างดีขึ้น พ่อก็สั่งให้ยีนส์หยุดนั่งถ่างขาคร่อมแคร่ จากนั้นก็ให้ยีนส์ไปอาบน้ำมนต์ที่พ่อเตรียมไว้ให้ในถังหลังบ้าน พอยีนส์อาบน้ำเสร็จแล้วก็เป็นอันว่าเสร็จพิธีการรักษาปลิงเข้า และอวัยวะเพศของยีนส์ก็ไม่มีเลือดไหลอีกเลย
แม้ว่าเวลาจะผ่านมาหลายสิบปี แต่ยีนส์ก็ไม่เคยเห็นปลิงตัวนั้นออกมาจากอวัยวะเพศยีนส์เลย ตอนเด็ก ๆ ยีนส์มักจะถามพ่อว่าปลิงยังอยู่ในท้องไหม พ่อมักจะบอกยีนส์ว่าปลิงตัวนั้นตายแล้ว และมันออกไปจากตัวยีนส์ตั้งแต่พ่อทำพิธีในตอนนั้น แต่แปลกทำไมยีนส์ไม่เคยเห็นปลิงตัวนั้นออกมาเลย แล้วมันออกจากตัวยีนส์ไปตอนไหนกัน
ปลิงตัวนั้นคงจะออกไปจากตัวยีนส์แล้ว และมันออกมาแบบไหนตอนไหนยีนส์ไม่เคยรู้ คนที่รู้ก็คงคงเป็นพ่อคนเดียวเท่านั้น แต่แปลกมากที่ยีนส์มักจะฝันเห็นปลิงตัวนั้นมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ ตอนที่ยีนส์โตเป็นสาวยีนส์ฝันเห็นปลิงตัวนี้แทบทุกอาทิตย์ก็ว่าได้ และรู้สึกกลัวทุกครั้งที่ฝันเห็นมัน ยีนส์เคยไปเอ็กซเรย์ช่องคลอดดูเพราะอยากรู้ว่าปลิงตัวนี้ยังอยู่ในท้องไหม ผลเอ็กซเรย์ก็ออกมาว่าไม่มีสิ่งใดอยู่ในท้องยีนส์ ทุกอย่างปกติ
มีอยู่ครั้งหนึ่งยีนส์ต้องถูกจับตรวจภายในด้วยอุบัติเหตุที่เกิดจากการวิฉัยโรคผิดจากหมอ เพราะยีนส์เป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ แต่เนื่องมาจากยีนส์ปวดท้องลงมาตรงมดลูกมากเป็นพิเศษ ทำให้หมอคิดว่ายีนส์มีปัญหาเรื่องมดลูก นั่นคือครั้งแรกที่ยีนส์มีโอกาสได้ตรวจมดลูกกับคุณหมอในชีวิต และเป็นครั้งเดียวที่เจ็บและเลือดไหลเหมือนคนมีประจำเดือน ส่วนผลตรวจของหมอก็บอกว่ามดลูกของยีนส์ปกติไม่มีอะไรอยู่ข้างใน
จนแล้วจนเล่าเจ้าปลิงตัวนี้ก็ไม่เคยตายไปจากความฝันของยีนส์เลย มันยังฝังใจยีนส์มาตลอด ยีนส์มีโอกาสได้ตรวจภายในที่โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ครั้งหนึ่ง โรงพยาบาลกรุงเทพ และอีกหลาย ๆ โรงพยาบาลที่ยีนส์อยากจะพิสูจน์ข้อเท็จจริง แม้กระทั่งมาอยู่ที่อเมริกายีนส์ก็ต้องตรวจภายในประจำทุก ๆ ปี ยีนส์มักจะถามคุณหมอว่ามีอะไรอยู่ในมดลูกบ้างไหม คุณหมอมักจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่ามดลูกยีนส์ปกติตลอด
ทุกวันนี้ยีนส์รู้ว่าร่างกายของยีนส์ปกติ และก็เคยสอบถามเพื่อน ๆ ที่เคยเจอเรื่องราวเหมือนกับยีนส์ และได้รับการรักษาจากพ่อของยีนส์เหมือนกัน ร่างกายของเพื่อน ๆ ก็ปกติเหมือนกับยีนส์ทุกคน แต่มีสิ่งเดียวที่พวกเรามีเหมือนกันก็คือความฝัน ยีนส์กับเพื่อน ๆ มักจะฝันเห็นปลิงเข้าอวัยวะเพศตลอด ยีนส์ไม่รู้ว่าทำไมยีนส์กับเพื่อน ๆ ต้องฝันเห็นสิ่งนั้น ทั้งที่มันผ่านมา 20 กว่าปีแล้ว
ยีนส์มีคำถามให้กับตัวเองเสมอว่า เจ้าปลิงตัวนั้นมันออกมาตอนไหนทำไมยีนส์ไม่เคยรู้มาก่อน และมันหายไปจากร่างกายของยีนส์ได้อย่างไร พ่อทำอะไรกับเจ้าปลิงตัวนั้น มันเป็นคำถามที่ยีนส์อยากรู้และถามตัวเองมาจนถึงทุกวันนี้ แล้วแหวนวงนั้นมันมีอะไรพิเศษทำไมพ่อจึงต้องเก็บรักษามันด้วยชีวิต หรือว่าแหวนวงนี้เป็นแหวนประจำตระกูลที่มีความลึกลับไว้ช่วยชีวิตคนเอาไว้
ครั้งหนึ่งพ่อเคยเล่าให้ยีนส์ฟังว่าพ่อเคยมอบแหวนวงนี้ให้น้าชายเป็นคนดูแล เพราะเห็นว่าน้าชายเป็นน้อง พ่อควรจะเสียสละของมีค่าประจำตระกูลให้น้องมากกว่าที่จะเก็บไว้ด้วยตัวเอง แต่พ่อก็ได้กำชับน้าชายไว้เสมอว่า
“น้าชายต้องยึดมั่นในศีลธรรม เป็นคนดีและซื่อสัตยต่อตัวเองและผู้อื่น ไม่คดโกงใคร ปฏิบัติตัวเป็นคนดี และก็ต้องเรียนรู้วิชาอาคมจากพ่อด้วย หากน้าชายไม่ทำตามที่พ่อบอกเอาไว้ ชีวิตครอบครัวของน้าชายก็จะชิบหายวายวอด และพ่อก็สั่งห้ามน้าชายอย่างเด็ดขาดว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามขายแหวนวงนี้ให้ใครเด็ดขาด”
ใช่เลยสิ่งที่พ่อพูดไว้ไม่มีผิด ยีนส์ไม่รู้ว่าน้าชายทำผิดศีลข้อใดหรือไม่รักษาคาถาอาคมเอาไว้ หรือจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ สิ่งที่ยีนส์รู้นั่นคือน้าชายได้เอาแหวนวงนี้ไปขายให้ครอบครัวหนึ่งในหมู่บ้าน การกระทำของน้าชายทำให้น้าชายหากินไม่ขึ้น ครอบครัวน้าชายยากจนลงทุกวัน ๆ จนวันหนึ่งพ่อรู้เรื่องเข้าจึงทำให้พ่อนึกโกรธน้าชายที่ไม่เชื่อฟังคำสอนพ่อเป็นอย่างมาก จากนั้นพ่อก็รีบหาเงินไปขอซื้อแหวนวงนั้นกลับคืนมาโดยเร็ว ไม่ว่าคนนั้นจะขายให้พ่อในราคาที่สูงเท่าไรก็ตาม พ่อก็ยังคงซื้อแหวนวงนี้มาเก็บไว้ในครอบครัวยีนส์เสมอ และมันก็ยังมีอยู่จนถึงทุกวันนี้
ครั้งหนึ่งเมื่อ 9 ปีที่ผ่านมาพ่อเคยบอกลูก ๆ ทุกคนว่า ให้ยกแหวนวงนี้ให้ยีนส์ในฐานะลูกสาวคนเล็ก แต่พ่อก็บอกกับยีนส์ว่าหากยีนส์ถือแหวนวงนี้ ยีนส์จะต้องทำตามที่พ่อบอกเอาไว้ ยีนส์ไม่สามารถแต่งงานได้และต้องอยู่เป็นคนโสดตลอด แต่ถ้าหากเป็นผู้ชายสามารถแต่งงานมีลูกมีเมียได้โดยที่ไม่ต้องมีกฏมากมายเท่าลูกผู้หญิง ยีนส์บอกพ่อว่ายีนส์อาจจะทำไม่ได้ เพราะยีนส์เป็นผู้หญิงที่อ่อนไหวเกินที่จะทำแบบนั้น สุดท้ายยีนส์ก็ได้ปฏิเสธพ่อโดยไม่ขอรับแหวนวงนั้นเอาไว้ ยีนส์บอกพ่อให้ยกแหวนวงนี้ให้พี่ชายคนโต เพราะพี่ชายคนโตเป็นคนที่สืบทอดวงศ์ตระกูลของยีนส์ต่อไป ในตอนนั้นพ่อไม่ได้บอกว่ายกให้พี่ชายคนโตแน่นอน พ่อบอกแต่เพียงว่าลูกคนไหนที่สามารถรักษาศีลและข้อกำหนดที่พ่อบอกไว้ได้ ลูกคนนั้นจะเป็นคนที่ได้ครอบครองดูแลแหวนวงนี้แต่เพียงผู้เดียว
ก่อนพ่อเสียชีวิตเคยมีพี่สาวต่างมารดาคนหนึ่งได้ร่ำเรียนวิชาคาถาอาคมจากพ่อด้วย ในตอนนั้นยีนส์ทำงานอยู่ที่กรุงเทพไม่เคยมีความคิดสนใจเรื่องนี้เลย แต่ได้ฟังเรื่องราวจากพี่สาวอีกคนเล่าให้ฟังว่า พี่สาวคนนี้แต่งงานมีครอบครัวแล้ว และก็อยากเรียนคาถาวิชาอาคมไปจากพ่อ สุดท้ายเธอก็ได้เรียนวิชาจากพ่อจริงๆ ในวันนั้นเป็นวันสุริยปราคาด้วย พี่สาวคนนี้และพ่อทำพิธีอยู่บนบ้าน โดยที่มีพี่สาวคนอื่น ๆ คอยดูแลการทำพิธีด้วย
พี่สาวคนนี้สวดมนต์คาถาที่พ่อสอนอยู่ตลอด และไม่ทันไรที่ท้องฟ้ามืดเข้ามา พี่สาวคนนี้กลับกลายพูดจาเหมือนคนบ้าที่เสียสติ หรือที่เขาเรียกว่า “ของขึ้น” หลังจากนั้นไม่นานพ่อก็เสียชีวิตไปอย่างไม่มีวันกลับคืนมา พี่น้องทุกคนในครอบครัวเสียใจเป็นอย่างมาก สามเดือนถัดไปพี่สาวคนนี้ก็เสียชีวิตอย่างไร้สาเหตุเหมือนกับพ่อ ซึ่งหมอในโรงพยาบาลไม่ได้บอกว่าเป็นโรคอะไร กลับบอกแต่เพียงว่าพี่สาวคนนี้เป็นไข้ตาย ซึ่งแท้จริงแล้วพี่น้องทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไร และหลังจากนั้นก็ไม่มีลูกผู้หญิงคนไหนที่สนใจเรื่องตรงนี้อีกเลย แม้แต่ตัวยีนส์เอง คงมีเพียงพี่ชายสองคนเท่านั้น ที่พอจะเคยได้เรียนรู้เรื่องราวมาจากพ่อไว้บ้าง
ทุกวันนี้แหวนวงนี้ก็ไม่มีใครแตะต้องมันเลย มันเคยถูกเก็บไว้ในหีบเก่า ๆ แบบไหน มันก็ยังคงอยู่แบบนั้น แม้แต่พี่ชายคนโตก็ไม่เคยเอามันมาเก็บรักษาเอาไว้ด้วยตัวเอง ห้องของพ่อถูกปิดสนิทคงมีเพียงพี่ชายสองคนเท่านั้นที่เข้าไปหลับนอนยามค่ำคืนที่กลับมาเยี่ยมบ้าน โดยมีพี่สาวยีนส์เป็นคนคอยดูแลรักษาด้วย
บ่อยครั้งที่มีโอกาสได้กลับไปเยี่ยมบ้าน ยีนส์ไม่เคยไปนอนบ้านหลังนี้เลย เพราะความรู้สึกกลัวกับบางสิ่งที่เร้นลับตรงนี้ ทำให้ยีนส์มักจะไปนอนที่บ้านหลังใหม่ของพี่สาวอีกคนเสมอ ทุกครั้งที่กลับไปเยี่ยมบ้านลูกหลานทุกคน จะต้องไปนั่งจุดธูปบอกวิญญาณของพ่อตลอด หากลูกคนไหนไม่ทำตามก็มักจะเกิดเรื่องประหลาดให้ตกใจหรือเจอดีแน่นอน
บ่อยครั้งที่ยีนส์ได้ยินพี่สาวคนที่อยู่ดูแลบ้านหลังเก่าเล่าให้ฟังว่า ในบางค่ำคืนพี่สาวมักจะได้ยินเสียงพ่อนั่งพูดคุยอยู่ที่ห้องนอนเป็นประจำ บางทีก็ได้ยินเสียงคนมาหาพ่อที่บ้านด้วย บางทีก็ได้ยินเสียงคนเดินไปมา ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้เป็นความลึกลับที่พี่สาวยีนส์ก็กลัวไม่น้อย แต่เมื่อสิ่งที่เธอได้ยินได้สัมผัสมันเกิดขึ้นบ่อยครั้งและก็บ่อยที่สุด จนทุกวันนี้กลายเป็นความเคยชินของเธอไปเสียแล้ว คงมีเพียงยีนส์และพี่สาวคนอื่น ๆ เท่านั้น ที่ยังคงกลัวกับการได้สัมผัสกับเรื่องแบบนี้
แหวนวงนี้มันเป็นคำตอบเดียวที่ยีนส์จะพิสูจน์ได้ว่า สิ่งที่พ่อพูดเล่าให้ฟังนั้นเป็นเรื่องจริงแค่ไหน ส่วนความเร้นลับของแหวนวงนี้ยีนส์ได้พิสูจน์มันมากับตัวเองแล้ว และมันยังคงลึกลับอยู่กับตัวยีนส์ตลอด ยีนส์เขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะยีนส์ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง อย่างน้อย ๆ ยีนส์ได้ถ่ายทอดเรื่องราวเอาไว้ก็ยังดีกว่าที่ไม่ได้ทำอะไรเลย
หากอีก 100 ปีข้างหน้าเกิดลูกหลานไปค้นเจอหีบเก่าใบนี้ และพบแหวนวงนี้ด้วย พวกเขาจะได้รู้ที่มาที่ไปของแหวนวงนี้ จากเรื่องราวที่ยีนส์ขีดเขียนเอาไว้ แม้จะเป็นข้อมูลสั้น ๆ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ยีนส์ได้เขียนมาจากเรื่องจริง และเป็นประสบการณ์จากชีวิตจริง ๆ ไม่ใช่ตำนานหรือเรื่องเล่าแต่อย่างใด